ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
พฤษภาคม 16, 2024, 03:37:50 AM

 


  หน้าแรก  • ช่วยเหลือ  • ค้นหา  • เข้าสู่ระบบ  • สมัครสมาชิก



สถานีวิทยุออนไลน์
สายสัมพันธ์





ท่านสามารถขอเพลงฟังได้
ที่กล่องขอเพลงด้านซ้ายมือ
แต่อาจไม่ได้รับฟังทุกเพลง
เนื่องจากจะรองรับเพลงตามขอ
ของสมาชิกภายในก่อน
หน้า: [1]
 
ผู้เขียน หัวข้อ: นิทาน ในวาระของการจากพราก  (อ่าน 3642 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เจ เหน่งบา
สายสัมพันธ์
*

คำขอบคุณ: 2451
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 520
สมาชิก ID: 1250


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 18 : Exp 48%
HP: 0%

รักหญิงหนึ่ง ตรึงใจ ไม่ประมาณ


« เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2010, 10:54:41 PM »

    ที่จริงนิทานนี้ตั้งใจจะเล่าให้เพื่อนสมาชิกได้อ่านมาพักหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่ค่อยว่างเรียบเรียงเนื้อความ  ทว่าเมื่อครู่นี้เอง

ได้รับข่าวร้าย ที่ไม่คาดฝัน เรื่องพี่ของท่านประธาน เลยรู้สึกว่า มันเป็นกาละอันควรที่จะถ่ายทอดนิทานเรื่องนี้  เนื้อความ เป็นนิทาน แต่ช่วงเวลา ที่ผมได้ฟังนิทานเรื่องนี้ มันเป็น สถานะการจริงที่เกิดขึ้นกับผมและครอบครัวครับ

     เมื่อยี่สิบห้าปีก่อน ผมก็ประสบเหตุการเช่นเดียวกันนี้ครับ พี่ชายคนโตของผมประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เสียชีวิต ผมว่าคนที่เสียใจ
และน่าสงสารที่สุด คือพ่อแม่ของผมซึ่งสูญเสียลูกชายคนโต ซึ่งเป็นเด็กดี เรียนดี ทำสิ่งน่าชื่นใจให้พ่อแม่มาตลอด กำลังจะเรียนจบปริญญาตรี ภาพพ่อกับแม่ที่เดินลงจากเมรุตอนเก็บกระดูกหลังวันเผาศพลูก  ยังคงอยู่ในความจำผมมาจนบัดนี้  พร้อมด้วยคำถามที่ไร้คำตอบว่าทำไม พ่อแม่ผมต้องมาเจอเรื่องร้ายแบบนี้ด้วย

     ในคืนวันเผาศพพี่ชายผม  พ่อผม ซึ่งเป็นคนจีนเดินทางจากเมืองจีนมาแสวงโชคในแผ่นดินไทย ได้เล่านิทานธรรมะให้ลูกๆฟัง  
ในบ้านมีผมคนเดียวที่จำได้ ในใจความหลัก นอกนั้นน้องๆผมยังเล็ก ไม่มีใครจำได้ ผมไม่ทราบว่าพ่อรู้นิทานเรื่องนี้ตั้งแต่อยู่เมืองจีน  
หรือมาได้ฟังตอนอยู่เมืองไทย  แต่เนื้อความให้ข้อคิดอย่างมาก

เรื่องเป็นดังนี้ครับ

     มีพ่อเฒ่าคนหนึ่ง  อายุมากแล้ว  ภรรยาตายจากไปก่อน  มีลูกชายอยู่สองคน  คนโตเป็นคนดี ขยันทำมาหากิน  กตัญญููรักพ่อแม่
เป็นลูกที่ดี ส่วนลูกคนเล็กก็ตรงกันข้ามกับลูกคนโต ไม่เอาถ่าน ไม่ค่อยรักพ่อแม่ สร้างแต่เรื่องเดือดร้อน   พ่อเฒ่าก็คงเป็นเเหมือนคนทั่วไป คือรักลูกคนที่ดีกว่าเป็นธรรมดา   อยู่มาวันหนึ่ง  ลูกคนโตก็ได้ตายจากไป
(จำรายละเอียดไม่ได้ว่าเีสียชีวิตอย่างไร) ยังความเศร้าโศกเสียใจใ้ห้พ่อเฒ่าอย่างยิ่ง ความเป็นอยู่ก็เริ่มลำบาก เพราะลูกชายคนโต
เป็นผู้รับภาระหลักของครอบครัว หวังพึ่งลูกชายคนเล็กก็ไม่ค่อยได้ความเท่าใด

     แต่อยู่ต่อมาไม่นาน ลูกชายคนเล็กก็ตายจากไปอีก พ่อเฒ่าจึงตกอยู่ในห้วงทุกข์อันไพศาล   ในวันสุดท้ายของพิธีศพ หลังจากฝังร่าง
ลูกชายคนเล็กแล้ว ในการเดินทางกลับจากสุสาน พ่อเฒ่าแวะนอนพักในศาลเจ้าด้วยความเศร้าโศกหดหู่  ในคืนนั้นแกหลับฝันไป  
ว่าได้พบเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์  แกได้ต่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพยดาฟ้าดินว่าโหดร้ายกับแก ทำไมแกต้องมีชะตากรรมเช่นนี้ เมียคู่ชีวิตก็ตายจาก
ลูกก็ตายไปก่อน  แกมีชีวิตอยู่ด้วยความลำบาก ไม่มีคนดูแล ขอให้เทพเจ้าคืนชีวิตลูกชายแกมา  เทพเจ้าก็ย้อนถามว่า คนไหน คือลูกชายแก แล้วก็ปรากฎร่างลูกชายคนโตของแกขึ้น แกโผเข้าหาด้วยความดีใจ และบอกว่าใช่แล้ว นี่แหละลูกชายของแก

     คำพูดที่ออกจากปากลูกชายคนโตของแก คือ "อั๊วไม่ใช่ลูกลื้อ!!!"  แล้วก็ย้อนถามพ่อเฒ่าว่า จำได้ไหมว่า เมื่อหลายสิบปีก่อน
แกเคยมีเพื่อนบ้านคนหนึ่ง ชื่อ....ยืมเงินไปแล้ว ยังไม่ได้ชดใช้ให้ ก็เสียชีวิตไปก่อน  ชาิติต่อมา ชายผู้นี้ก็ได้ไปเกิดเป็นลูกคนโต
ทำความดีชดใช้ให้พ่อเฒ่า เมิ่อใช้หนี้สินหนี้กรรมหมดแล้ว ก็ถือว่าหมดเวรหมดกรรมต่อกันแล้ว  จึงหมดวาระ หมดภาระในภพชาตินี้่ จะไปตามกระแสกรรมในภพชาติต่อไป แล้ว"ลูกชายคนโต" ของแกก็จางหายไป

     หลังจากพ่อเฒ่าหายตกตะลึงจากความเสียใจที่เพิ่มขึ้น ก็ได้เอ่ยกับเทพเจ้าว่า ถ้าเช่นนั้น ขอให้คืนลูกชายคนเล็กให้แกก็ได้
แม้จะไม่ดีเหมือนคนโต แต่ก็ยังเป็นลูกแกเทพเจ้าก็ถามอีกว่า คนนี้หรือที่ลื้อว่าเป็นลูกชายคนเล็กของลื้อ จากนั้นแกก็เห็นร่าง
ลูกชายคนเล็กปรากฎขึ้น  แกขยับจะเ้ข้าไปกอดลูก  แต่แล้ว"ลูกชายคนเล็ก"ของแกก็กล่าวขึ้นว่า "อั๊วไม่ใช่ลูกลื้อ!!!"
จากนั้นก็ตั้งคำถามพ่อเฒ่าว่า จำได้ไหม เมื่่อพ่อเฒ่ายังหนุ่มอยู่ เคยยืมเงินจากเพื่อนบ้านคนหนึ่ง ซึ่งยังไม่ทันที่จะได้รับชำระหนี้
ก็เสียชีวิตไป และพ่อเฒ่าก็ไม่ได้ชดใช้หนี้สินให้ครอบครัวของผู้ตาย  ชาติที่แล้วเขามาทวงหนี้สินคืน เมื่อได้รับการชดใช้กรรมแล้ว
ถือว่าหมดเวรหมดกรรมต่อกัน เขาจะไปตามกรรมของตนเองต่อไป  แล้วพ่อเฒ่าก็ไม่เห็นภาพของลูกชายคนเล็กอีก...  
จากนั้นพ่อเฒ่าก็ตกใจตื่นขึ้นในศาลเจ้าที่เดิม

     นิทานจบลงตรงนี้ครับ

     ยี่สิบกว่าปีก่อนโน้น ผมฟังตอนจบของนิทานด้วยความผิดหวัง  ในความรู้สึกของผมแม้จะเป็นเพียงนิทาน แต่ก็อยากให้มันจบ
ด้วยความสุข โดยเฉพาะเมื่อตนเองอยู่ในภาวะทุกข์โศก แต่นิทานก็จบด้วยความเศร้า ไม่รู้ว่าพ่อผมจะเล่าเรื่องเศร้าให้ฟังทับถม
ความทุกข์ทำไม   นาน...อีกหลายปีต่อมา เมื่อผมอายุมากขึ้น เข้าใจโลกมากขึ้นบ้างผมพอจะเข้าใจแล้วว่า พ่อคงเล่านิทานเพื่อ
ปลอบใจตัวเองไปด้วย นอกเหนือจากสอนลูก  แนวทางของนิทาน เป็นการถ่ายทอดแนวคิดของพุทธมหายาน เน้นเรื่องการเวียนว่าย
ตายเกิด  ผมอาจจะรายละเีอียดได้ไม่หมด นิทานอาจไม่ได้มาจากความจริงเลย  แต่ประเด็นสำคัญของนิทานเรื่องนี้ คือการสอนเรื่อง
ให้ละความยึดมั่้นถึือมั่นครับ ว่าสิ่งนั้นเป็นของเรา สิ่งนี้เป็นของเรา

     จากหนึ่งในคำสอนของท่านพุทธทาส  ได้พูดถึงเรื่อง "แก่นพุทธศาสตร์"  ใจความว่า มีผู้ถามพระพุทธเจ้าว่า ธรรมที่พระองค์
ท่านสั่งสอน มีมากมายเอนกสายสัมพันธ์ จะสามารถสรุปให้สั้นได้หริือไม่  พระตถาคตบอกว่าได้  ทั้งหมดสรุปเพียงประโยคเดียวก็ได้ว่า  
"สัพเพธรรมานาลัง  อภินิเวสายะ" (เขียนตามเสียงอ่านนะครับ)แปลได้ความว่า "สิ่งทั้งหลายทั้งปวง  ไม่ควรยึดมั่นถึือมั่น"  
นี่คือทั้งหมดของพระพุทธศาสนา ถ้าได้ยินข้อนี้ก็คือได้ยินทั้งหมด ถ้าได้ปฏิบัติข้อนี้ก็คือได้ปฏิบัติทั้งหมด
ถ้าได้รับผลข้อนี้ก็คืิอได้รับผลทั้งหมด

     (นี่คือประเด็นของ การย่อใจความนะครับ ไม่ใช่ว่าไม่ต้องเรียนต้องรู้ในส่วนอื่น อันนี้เป็นคำตอบประเด็นที่ว่า ถ้าจะย่อสรุป  
ไม่ใช่ว่าธรรมอย่างอื่นไม่สำคัญ)

     ผมไม่ได้บอกว่า ผมทำใจได้ ไม่ได้บอกว่าอ่านเรื่องที่ผมเล่าแล้วจะหายเศร้าโศก สิ่งที่ผมอยากบอกประธานคือ ถ้าเราพอจะได้คิด
ในความเป็นจริง ว่า มันเป็นธรรมดามันเป็นธรรมชาติ ใบไม้ของต้นไม้ที่ใกล้ตัวเราที่สุด สังเกตุให้ดีเวลามันหล่นร่วง มันก็ไม่มีแต่ใบแก่
ใบไม้อ่อนก็มี  สิ่งทั้งหลาย ไม่มีอะไรเป็นของเราจริง แม้แต่ตัวเราก็เกิดจากการมาประชุมกันของธาตุสี่ ของเหตุปัจจัย แม้เพียงคิดได้เพียงนิด ก็อาจจะทำให้ความทุกข์ในใจเรา "จางคลาย" ลงได้แม้เพียงนีิดก็ยังดี

     หวังว่าเพื่อนสมาชิก และประธาน หากได้อ่าน ใครมีความทุกข์อะไร ก็ขอให้คลายลง    ขอให้มีสติก้าวเดินต่อไปในทางชีวิตที่ต้องมาถึงในวันรุ่งขึ้นได้อย่างเข้มแข็งนะครับ

     สุดท้าย มีประโยคหนึ่งที่ผมพยายามบอกตัวเองเวลาเผชิญเรื่องอันเป็นทุกข์  
     THIS TOO SHALL PASS - แล้วสิ่งนี้ก็จะผ่านไปเช่นกัน  ครับ

                                                                                    ด้วยความปรารถนาดี

                                                                                         เจ   เหน่งบา

    


, preem,
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 05, 2011, 06:45:58 AM โดย เจ เหน่งบา » บันทึกการเข้า

...รักสูญสิ้นภิณฑ์พรากจากเหน่งบา.....
หน้า: [1]
 
 
กระโดดไป:  






Saisampan.net
สายสัมพันธ์ - เพลงลูกทุ่งเก่า (เก่ากว่าที่ท่านคิด)
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!