ครูสุนทรียา ณ เวียงกาญจน์
ที่มาของ เพลง " รัก "
เพลงนี้เกิดจากในเย็นวันหนึ่งที่ครูสุนทรียา ท่านไปงานเผาศพคงจะเป็นที่วัดมกุฏฯ
ระหว่างที่นั่งรอก่อนถึงเวลา วงปี่พาทย์ประโคมเพลงไทยเดิมเพลงหนึ่ง
ทำนองล้อกันไปล้อกันมาเพราะดีพยายามจำได้ 2 - 3 วรรค
พอกลับถึงบ้านรีบโทรหาครูสมาน ฮัมทำนองเพลงที่ว่าให้ฟัง
แล้วถามว่าเพลงอะไร ครูสมานตอบทันทีว่า " โสมส่องแสง "
เลยเล่าให้ฟังว่า ไปได้ฟังที่งานศพเพราะดี
มีล้อกันไปล้อกันมา ครูสมานเลยบอกกับคุรูสุนทรียาว่า
เอาซี่จะตัดมาให้ เพราะของไทยเดิมเพลงยาวมาก
หลังจากวันนั้นไม่กี่วัน ได้รับทำนองมาจากครูสมาน
ซึ่งตัดมาให้โดยมีประโยควรรคตอนเป็นแบบไทยสากล
ในช่วงเวลานั้น ครูสุนทรียา ท่านกำลังบอกบท
ละครเรื่อง " ผู้ชนะสิบทิศ " ของคณะศิวารมณ์อยู่
จะเป็นที่ศาลาเฉลิมไทย หรือเฉลิมนครไม่แน่ใจ
ตอนหนึ่งจะเด็ดกำลังพรอดรักกับแม่นางอเทตยา
พอบอกว่ารัก แม่นางอเทตยาก็ย้อนว่า
" คำก็รัก สองคำก็รัก อยากรู้นักว่า รักจริงหรือเปล่า
แล้วถ้ารักจริง รักมากน้อยแค่ไหน " อะไรทำนองนั้น
ซึ่งทำนองที่......ครูสมานส่งมาให้.....ครูสุนทรียา
ก็ล้อกันเหมาะที่จะเป็นเพลงคู่อยู่แล้ว
ก็เลยออกมาเป็นเพลง " รัก " ซึ่งเป็นเพลงร้องคู่
ต่อมาครูสมานก้าวหน้าขึ้นไปอีก
โดยนำวงดนตรีไทยเดิมมาบรรเลงร่วมกับดนตรีไทยสากล
ซึ่ง " รพีพร " ( คุณสุวัฒน์ วรดิลก )
ได้ขนานนามการบรรเลงผสมวงดนตรี 2 วง
แบบนี้ว่า " สังคีตประยุกต์ "
ซึ่ง ปรากฏว่า ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
หลังจากนั้นมีเพลงคู่บรรเลงแบบสังคีตประยุกต์
ตามมาอีกหลายต่อหลายเพลงค่ะ
.
.
.
สรุป เพลง " รัก " อารมณ์ของเพลงมาจากการที่
ครูสุนทรียา ท่านไปได้ยินทำนองเพลงไทยเดิมนี้
มาจากงานศพ
และเพลง " รัก " ครูสมาน ท่านนำทำนองเพลงไทยเดิม
มาจากเพลง " โสมส่องแสง "