บทเพลงบรรเลงสวด ๔.บทสรรเสริญพระกษิติครรภโพธิสัตว์เจ้า(ตี้จางหวาง)

[เจ เหน่งบา]

ยังคงต้องไหว้ครูก่อนอีกแหละครับ
บทความ ตลอดจนเพลงที่นำเสนอนี้ คัดลอกมาจากนิตยสาร The Sound  ฉบับที่ 30 มีนาคม 2544
โดยคุณจงจินต์ เสรีรักษ์(เปลี่ยนชื่อเป็นธนกฤต) เจ้าของนามปากกา เจเจ และเด็กวัด ซึ่่่งเป็นที่รู้จัก
และนับถืออย่างยิ่งในวงการเครื่องเสียง


สรรเสริญพระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์ (ตี้จ้างหวาง  แต้จิ๋ว=ตี่จั๋งอ๊วง)
 Aifa  Records  AD-3504

อัลบั้มนี้เป็นชุดที่ผมชื่นชอบมากที่สุด   รายละเอียดของพระกษีติครรภโพธิสัตว์นั้น      เมื่อได้ลองฟังอัลบั้มนี้เข้าแล้ว   
ก็น่าจะลองพลิกกลับไปอ่านประวัติของท่านอีกสักครั้ง   อาจทำให้การฟังอัลบั้มซีดีชุดนี้   ได้อรรถรสที่หนักแน่นยิ่งขึ้น

ในบรรดาพระโพธิสัตว์ของมหายานนั้น   พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์จัดได้ว่าเก่าแก่ที่สุด   
ส่วนพระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์ มีประวัติย้อนกลับไปราวพันกว่าปี   ไม่ใกล้ไม่ไกลเกินไปสำหรับอายุประวัติศาสตร์   
ท่านเป็นโอรสของราชาในแคว้นหนึ่งของจีน (ปัจจุบันคือประเทศเกาหลี) เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง   
ในที่สุดก็ออกบวชและได้บรรลุธรรมถึงภูมิพระโพธิสัตว์
 
ด้วยเมตตาธรรมสูงสุดจึงตั้งปณิธานไว้ว่า   “ หากในนรกภูมิยังไม่สิ้นวิญญาณบาป   ก็จะไม่ขอตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ”

พระโพธิสัตว์พระองค์นี้จึงเป็นฌานิโพธิสัตว์   หมายความว่าไม่มีวันได้เสด็จเข้าสู่พุทธภูมิตลอดไป   มหายานให้ความเคารพนับถือมาก   
ภาพวาดหลวงจีนมือขวาถือไม้เท้า   มือซ้ายถือลูกแก้ว   สวมพระมาลาห้าพุทธเจ้า(บางแห่งก็ไม่สวม)   
นั่นละครับคือองค์พระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์เจ้า (ตี้จ้างหวางผูซ่า)
     
บทเพลงไม่มีอะไรมากสำหรับเนื้อหา   แต่ยิ่งใหญ่เหลือเกินสำหรับความหมาย   กลุ่มขับร้องหญิงชาย
ขับขานออกมาพร้อมๆกันเป็นโน๊ตเดียว   และถ้อยคำที่ขับร้องนั้นมีอยู่เพียง 7 อักษรเท่านั้นคือ   
“ นำ โม ตี้ จ้าง หวาง ผู ซ่า ”  แปลว่า “ ขอนอบน้อมองค์พระกษีติครรภมหาโพธิสัตว์เจ้า ”

ในหนึ่งแทร็คจะขับร้องซ้ำๆด้วยถ้อยคำ 7 อักษรนี่แหละ   พอครบ 30 เที่ยวก็เว้นวรรคเป็นท่อนแยกของเพลง 
 มีขลุ่ย (ฟรุ๊ต) และเครื่องเคาะโซโลคั่นสั้นๆ   แล้วก็ขึ้นคำร้องรอบใหม่   ทั้งหมดแบ่งออกเป็น 4 ท่อนแยก 
 รวมเวลาในหนึ่งแทร็คประมาณยี่สิบนาทีเศษ   

ทั้งอัลบั้มมีเพียง 2 แทร็คเท่านั้น (แทร็คละ 22 นาทีโดยประมาณ)   แทร็คสองจะเป็นดนตรีบรรเลง(จีน)ล้วนๆ
( ไม่มีคำร้อง) แต่รักษาเมโลดี้เอาไว้ครบถ้วนเหมือนแทร็คแรก   อาศัยขลุ่ย   ซออู้(จีน)   
พลัดกันโซโลด้วยท่วงทำนองเช่นเดียวกับคำร้องในแทร็คแรก   คล้ายให้เสียงขลุ่ยแทนเสียงกลุ่มนักร้องหญิง 
 และเสียงซออู้แทนกลุ่มนักร้องชาย   แบ่งท่อนแยกของเพลงเหมือนกันทุกประการ
 
ใครชอบฟังเครื่องดนตรีจีนบรรเลงละก็   เฉพาะแทร็คที่สองก็คุ้มสตางค์แล้วละครับ

คำถามที่น่าข้องใจก็มีอยู่ว่า   ในเมื่อมีคำร้องเพียงแค่ 7 อักษร   แล้วก็ขับร้องซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นตั้งร้อยกว่าเที่ยว   
มันจะไพเราะกระไรกัน ?  น่าเบื่อน่ะไม่ว่า !!   มิได้ครับท่าน ,  คำร้องที่มีเพียง 7 อักษรหรือ 7 พยางค์ที่ว่านี้   
ขับร้องด้วยกลุ่มนักร้องหญิงชาย   ขับร้องเป็นหมู่คณะ   เดินท่วงทำนองที่สุขุม   สุภาพ   มีระเบียบมีวินัย   
ให้ความรู้สึกเคารพศรัทธาสูงสุด   แล้วเล่นเมโลดี้สลับกันคล้ายรูปคลื่น   หมายความว่า
ขับร้องแบบไล่เสียงวรรณยุกต์ของไทยนั่นละครับ

คำร้อง 7 คำ   แต่ขับร้องออกมาแต่ละเที่ยวจะไต่ขึ้นไปทางเสียงสูงบ้าง   สูงสุดบ้าง   ลงมาทางต่ำบ้าง   
ต่ำลงในลำคอในอกบ้าง   แล้วขึ้นต้นไปทางสูงอีก   สลับเป็นลูกคลื่นอย่างนี้   จะไม่ไพเราะได้อย่างไรกัน

ลำพังเสียงขลุ่ยที่ใช้นำในช่วงอินโทรนั้น   มันมีทั้งความคมขลัง   หนักแน่น   เด็ดเดี่ยว
และให้ความรู้สึกเคารพศรัทธาที่ผู้ฟังสามารถสัมผัสได้ในทันที   แม้จะเป็นเพียงความรู้สึก   
แต่ก็เป็นความรู้สึกหนึ่งเดียวที่คนมากกว่าสองคนขึ้นไป   สามารถตอบคำถามเดียวกันได้ !

ท่วงทำนองค่อนไปทางช้าๆ   แต่มีความแม่นยำในตัวโน๊ต   มีทั้งความราบเรียบสุภาพและเด็ดขาด
ผสมผสานกันได้อย่างกลมกลืน   เสมือนหนึ่งแผ่นฟ้าจรดขอบทะเลกว้าง   
ถ้าจะฟังอัลบั้มนี้ให้ได้อรรถรสเต็มฝีจักร   ขอแนะนำให้ฟัง “ คนเดียว ” 
ไม่ควรเปิดฟังในขณะที่ต้องสนทนาพาทีกับเพื่อนพ้องหรือเปิดฟังเป็นเบ็คกราวด์เด็ดขาด   
เอาเป็นว่าควรตั้งใจฟังแล้วกัน

กลุ่มคนประเภทไหนที่ควรจะฟัง “ บทเพลงบรรเลงสวด ” อัลบั้มซีดีชุดนี้ ?  สิทธิการิยะท่านว่า
ผู้ใดที่มีอุปนิสัยหรือกมลสันดานเป็นคนโลเล   ขาดความมั่นใจในตนเอง   ทำอะไรมักจับจด   
ขี้หลงขี้ลืมประเภทได้หน้าลืมหลัง   และเป็นคนมีสมาธิสั้น   สนใจอะไรได้ไม่นานก็จะล้าเสียก่อน   
หรือแม้แต่คนที่ไม่ค่อยมีสมาธิ   นี่ละครับ   อัลบั้มสรรเสริญพระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์ชุดนี้   
ต้องด้วยกมลสันดานพรรค์อย่างว่าร้อยเปอร์เซนต์   ท่านว่าสัมฤทธิ์ผลดีนักแล   เรียกว่ากินยาถูกโรคกันเลยเชียว !