ป่วยโรคกล่องเสียงอักเสบ แพทย์ยันไม่ได้ป่วยมะเร็ง แต่สุดท้ายก็จบชีวิต ตั้งศพที่วัดบางไผ่ย่านบางบัวทอง
เมื่อเวลา 02.30 น. วันที่ 30 ก.ย. ร.ต.ท.ณัฐพงษ์ ตันศิริวิวัฒน์กุล ร้อยเวรสอบสวน สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตภายในภายในบ้านเลขที่ 10/12 หมู่3 หมู่บ้านวัฒกาญจน์ ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จึงรีบไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบ้าน 2 ชั้น บริเวณเตียงนอนชั้นล่างของบ้านพบศพนายกมล วรรณพาหุล อายุ 64 ปี หรือแฟนเพลงรู้จักกันในนาม กาเหว่า เสียงทอง อดีตนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง เจ้าของผลงานเพลงอมตะหลายเพลง
จากการสอบสวน นางวารินทร์ มาเกิด อายุ 54 ปี ภรรยาผู้ตาย ให้การว่า นายกมล หรือ กาเหว่า เสียงทอง สามีได้ล้มป่วยเป็นโรคกล่องเสียงอักเสบ เริ่มเข้ารับการรักษาตัวที่รพ.พระนั่งเกล้าตั้งแต่เดือนก.ค.ที่ผ่านมา ตอนที่พาสามีไปตรวจรักษาเพราะกลัวว่าจะเป็นมะเร็งลำคอจึงไปพบแพทย์เพื่อตรวจอาการและรักษาเรื่อยมา ต่อมา นายกมลเริ่มรับประทานอาหารไม่ได้ รับประทานอาหารที่ย่อยง่ายๆและนมเท่านั้น เมื่อวานนี้ แพทย์ได้นัดไปพบและแจ้งผลการตรวจว่าสามีไม่ได้ป่วยเป็นมะเร็งลำคอ ทำให้สบายใจขึ้นมาบ้าง พอมาช่วงดึกนายกมล กลับมีอาการไม่ดีขึ้นและเริ่มหายใจไม่ค่อยสะดวก จนกระทั่งก่อนเที่ยงคืนตนกำลังจะไปอาบน้ำเข้านอน นายกมลซึ่งนอนอยู่บนเตียงนอนชักกะตุก 2 – 3 ครั้ง ตนรีบเข้าไปดู แต่ปรากฏว่าสามีไม่รู้สึกตัว ชีพจรก็หยุดเต้น และเสียชีวิตลงในที่สุด จึงรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจมาตรวจสอบ
ศพนายกมล วรรณพาหุล หรือ กาเหว่า เสียงทอง อดีตนักร้องลูกกทุ่งชื่อดังตั้งที่วัดบางไผ่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี สวดพระอภิธรรมศพ 7 คืน.
( ข่าวจาก เดลินิวส์ )
ย้อนอดีตลูกทุ่งชื่อดัง
กาเหว่า เสียงทอง มีชื่อจริงว่า กมล วรรณพาหุง เป็นชาว ต.ศีรษะกระบือ อ.องครัษ์ จ. นครนายก กาเหว่า เสียงทอง ก็ใช้ชีวิตเกเรร่อนเร่ไปทั่ว และเริ่มจับงานหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นกรรมกรแบกหามมาตั้งแต่อายุประมาณ 12 ปี เขาชื่นชอบการร้องเพลงลูกทุ่งและร้องเชียร์รำวงมาตั้งแต่อายุยังน้อยพออายุ 17 ปี หลังได้เห็นการแสดงของวงดนตรีสุรพล สมบัติเจริญ เขาก็ไปสมัครเป็นนักร้องกับ วงสุรพล สมบัติเจริญ แต่เนื่องจากเสียงของเขาเป็นร่องเสียงเดียวกับไวพจน์ เพชรสุพรรณ ที่เป็นคู่แข่งกันวงดนตรีสุรพล สมบัติเจริญจึงปฏิเสธเขา
ก้าวสู่วงการลูกทุ่งที่ใฝ่ฝัน
ต่อมาเมืองวงดนตรีสมานมิตร เกิดกำแพง วงดนตรีลูกทุ่งแถวหน้าอีกวงของเมืองไทยที่มีนักร้องดังหลายคนเช่น แก้ว เบญจกาย , อัศวิน เกิดกำแพง , ประทุมทิพย์ บัวตะมะ และ การเวก เสียงทอง มาเปิดการแสดงที่สถานีวิทยุ ปชส.7 แถวใต้สะพานพุทธ กาเหว่า เสียงทอง ไปสมัครเป็นนักร้องและได้รับความเมตตาจากแฟนหัวหน้าวงให้มาอยู่ในวงในฐานะคนแบกกลองหลังจากที่ทนแบกกลองอยู่ 2 ปีเขาก็ได้มีโอกาสร้องเพลงหน้าเวทีเป็นครั้งแรกโดยในระหว่างที่วงเดินสายอยู่ทางเหนือ กาเหว่า เสียงทอง ได้มาร้องเพลง " สามปีที่ไร้นาง" ของไวพจน์ เพชรสุพรรณ ให้การเวก เสียงทองฟังซึ่ง การเวก เสียงทอง ประทับใจมากจึงออกแรงลุ้นให้เขาได้ขึ้นเวทีเพลงแรกที่กาเหว่า เสียงทอง ได้ร้องหน้าเวทีจึงเป็นเพลง "สามปีที่ไร้นาง " โดยได้ไปร้องไกลถึงกว๊านพะเยา
ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับจากแฟนเพลงเป็นอย่างดี สมานมิตร เกิดกำแพง เกิดกำแพง จึงตั้งชื่อให้เขาว่า กาเหว่า เสียงทอง เพื่อให้คล้องจองกับชื่อของ การเวก เสียงทอง หลังจากนั้นไม่นานเมื่อ การเวก เสียงทอง ลาออกจากวง สมานมิตร เกิดกำแพง จากปัญหาภายในและไปตั้งวงเอง กาเหว่า เสียงทอง จึงออกตามช่วงนั้นซึ่งเป็นช่วงที่ไวพจน์ เพชรสุวรรณ ลาออกจากวงรวมดาวกระจาย ของครู สำเนียง ม่วงทองและมาตั้งวงเอง กาเหว่า เสียงทอง จึงมาสมัครอยู่กับไวพจน์ เพชรสุวรรณ แต่ร้องได้ไม่นานก็ต้องถูกเชิญให้ออก เพราะเสียงของเขาเป็นร่องเสียงเดียวกับไวพจน์
ชีวิตบนเส้นทางลูกทุ่งจนโด่งดังทั่วประเทศ
ศักดิ์สิทธิ์ ไทรน้อย เพื่อนของ การเวก เสียงทอง พามาฝากกับวง เพลิน พรมแดนและมีโอกาสได้บันทึกแผ่นเสียงยุคแรกๆเช่น เพลงลาบ้านเกิด เป็นต้น ทำให้มีชื่อเขาเป็นที่รู้จักของแฟนเพลงพอสมควร และก็กลายมาเป็นนักร้องชูโรงของวงเพลินไปโดยปริยาย จนเขามาโด่งดังสุดขีดเมื่อ เพลิน พรมแดน พาเขาไปหาครู ไพบูลย์ บุตรขัน ครูได้แต่งเพลง " หนุ่มเรือนแพ "มอบให้ และเพลงนี้ทำให้ชื่อเสียงของกาเหว่า เสียงทอง โด่งดังอย่างมากจนสามารถออกจากวง เพลิน พรมแดน และมาตั้งวงดนตรีของตนเองได้ด้วยการสนับสนุนของนนท์บุรีการท่องเที่ยวเป็นนายทุนต่อมาเขาก็เพลงดังตามมาอีกหลายเพลงรวมทั้ง "บ้องกัญชา " และ "แม่หม้าย"
เส้นทางบนขวากหนามที่ไม่จีรัง
หลังจากที่ชื่อเสียงลดน้อยถอยลงชีวิตของ กาเหว่า เสียงทอง ก็มาถึงจุดตกต่ำอีกครั้งเมื่อครอบครัวแตกแยกและเขากลายเป็นคนติดเหล้าชนิดที่ดื่มจัดไปโดยปริยาย ปัจจุบัน(2554) เขาเปลี่ยนภาพลักษณ์ในอดีตจากที่เคยป็นคนติดเหล้าชนิดที่กินจนครองสติไม่อยู่ จนมาถึงในปัจจุบันด้วยใจที่เด็ดเดี่ยว เขาสามารถเลิกดื่มเหล้าได้โดยปริยายด้วยการตั้งสัจจะกับตัวเองว่าจะหยุดดื่มเขาก็ทำได้อย่างเด็ดขาด ปัจจุบันเขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเมื่อเลิกดื่มเหล้า ความเชื่อใจความไว้วางใจของเจ้าภาพที่จะหางานให้ก็มีมากขึ้น จนทำให้เขากลับมาร้องเพลงเหมือนเดิมทิ้งฝันร้ายไว้ในอดีต กับคู่คิดศรีภรรยา(คนใหม่)ที่คอยดูแลและให้กำลังกันมาโดยตลอด ฝากผีฝากไข้กันในปั้นปลายชีวิตของกันและกัน จวบจนบั้นปลายชีวิตไร้ลมหายใจ
ผลงานเพลงดัง
หนุ่มเรือนแพ
บ้องกัญชา
แม่หม้าย
(ข้อมูลประวัติเพิ่มเติม :
http://th.wikipedia.org/)