คุณนริศ อารีย์ เกิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2473 เป็นชาวกรุงเทพฯ
เป็นน้องชายของวรนุช อารีย์ (นักร้องนำ วงสุนทราภรณ์) จบการศึกษาที่โรงเรียนบพิธพิมุข
ตลอดเวลาที่เรียนอยู่นั้นไม่เคยคิดที่จะเป็นนักร้องเลย เพราะต้องการเป็นทหารอากาศ
เมื่อจบก็มุ่งมั่นเข้าสอบเป็นทหาร แต่พลาดไป จึงเที่ยวเตร่ประกวดร้องเพลงตามแรงยุของเพื่อนๆ
เข้าแข่งขันตามงานวัดต่างๆ เรื่อยมา ในนาม “ร. ดาวรุ่ง” ผลปรากฏว่าชนะบ้าง แพ้บ้าง
ต้องเจอกับนักร้องรุ่นพี่อย่างชาญ เย็นแข, เลิศ ประสมทรัพย์ จึงทำให้มุ่งมั่นฝึกฝนที่จะเอาชนะให้ได้
จนเข้าประกวดงานปีใหม่ 2491 ที่เฉลิมกรุง เป็นงานที่ใหญ่มาก
โดยมี พ.ต.โปรย อังสุกานต์ เจ้าของคณะละครวิทยุ อันดับ1 ในยุคนั้นเป็นประธานจัดงาน
และมี คุณเสน่ห์ โกมารชุน เป็นกรรมการตัดสิน
ปรากฏว่าสามารถฝ่าฝันจนได้รับรางวัลชนะเลิศที่ 1 มาครอง
และยังได้เข้าร่วมงานกับคณะละครวิทยุ “ พันตรีศิลปะ ”
เป็นพระรองบ้าง ตัวประกอบบ้าง ซึ่งขณะนั้น คุณบุญช่วย หิรัญสุนทร เป็นพระเอก
ครั้นปี 2492 ทางกรมโฆษณาการ ได้จัดการประกวดนักร้องแห่งประเทศไทยขึ้น
เรียกว่าเป็นการประกวดระดับชาติทีเดียว
ซึ่งมีทั้งนักร้องอาชีพและสมัครเล่นจากทั่วประเทศเข้าสมัครแข่งขันราว 200 คน
คุณนริศ อารีย์ ได้มีโอกาสร่วมแข่งขันในครั้งนี้ด้วย และผ่านเข้ารอบไปชิงชนะเลิศในรอบสุดท้าย
โดยเป็นผู้ประกวดที่มีอายุน้อยที่สุด และได้ตำแหน่งที่ 4
จากนั้นก็เข้าสู่วงการ
และได้มีโอกาสบันทึกแผ่นเสียงครั้งแรกในเพลง “ชั่วนิจนิรันดร” ของพยงค์ มุกดา
เพลง “เชียงใหม่” ของไสล ไกรเลิศ
“ผู้แพ้” ของรักษ์ รักษ์พงศ์ ฯลฯ
คุณนริศ อารีย์ เคยร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่อง มาลัยสามชาย
และละครโทรทัศน์ทางช่อง 4 บางขุนพรหม เรื่อง ตาม่องลาย อีกด้วย
หลายท่านคงทราบมาบ้างแล้วว่า "นริส อารีย์" สร้างชื่อเสียงจากเพลงดังมากมายที่ให้ความสุขแก่ผู้ฟังมายาวนานเกือบ ๖๐ ปี อย่างเช่นเพลง เปียจ๋า ม่วยจ๋า ชั่วนิจนิรันดร์ สักวันหนึ่ง ลักยิ้ม ทาสรัก อย่าหลอกฉันเลย เพลงนี้อุทิศให้เธอ กลิ่นเกล้า ไฝดำ ให้ผมรักคุณเถิดนะ พระลอรำพัน หัวใจใครครอง และอีกหลายเพลงที่ล้วนมีความไพเราะจากเสียงร้องที่มีเอกลักษณ์ ฟังแล้วสบายใจไม่รำคาญหูเหมือนเพลงยุคนี้บางเพลงซึ่งยากที่ใครจะเลียนแบบได้เหมือน เพลงของนักร้องท่านนี้อยู่ในหัวใจของหลาย ๆ คนในยุคนั้นรวมทั้งผมที่อยู่ในยุคกลางเก่ากลางใหม่ดูเหมือนผมจะชอบเพลง "กลิ่นเกล้า" มากเป็นพิเศษที่สามารถบรรยายถึงท้องทุ่งนา และสาวบ้านนาได้อย่างลงตัวและไพเราะ ฟังแล้วจินตนาการได้ชัดเจนถึงบรรยากาศในชนบทที่บริสุทธิ์ จากผลงานการแต่งเนื้อร้องโดยคีตกวีลูกทุ่ง "ไพบูลย์ บุตรขัน" ที่คิดและสร้างเพลงมากมาย หลายเพลงเป็นเพลงอมตะที่คงจะลืมไม่ลงและลืมไม่ได้ในชีวิตนี้ บางเพลงก็สืบทอดมายาวนานกว่า ๖ ทศวรรษหรือ ๖๐ ปีแล้วก็มี ผมมีข้อเขียนของ ร.ดาวรุ่ง ที่เป็นชื่อในการประกวดร้องเพลงตามงานวัดของ "นริส อารีย์" นักร้องดังในยุคเดียวกับสุเทพ วงศ์กำแหง ชรินทร์ นันทนาคร และอีกหลายคน ซึ่งนักร้องในยุคก่อนกว่าที่จะก้าวขึ้นมาเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมจากประชาชนโดยการมีเพลงของตนเองนั้น บอกได้ว่าไม่หมูเลย ไม่เหมือนนักร้องยุคนี้แน่ที่มีเส้นทางที่สั้นและมีเส้น เน้นรูปร่างหน้าตามาเป็นจุดขายมากกว่าเสียงร้องที่เป็นเรื่องของคุณภาพ และยังมีค่ายเพลงที่คอยป้อนเพลงที่แม้จะห่วยแตกยังไงก็ยังทะลุไปยังหูคนฟังได้เพราะซื่อสื่อโดยเฉพาะสื่อวิทยุไว้เต็มกระบุง จริงมั้ยเอ่ย ? แต่รับรองได้ว่า หากยังแต่งเพลงลักษณะนี้อยู่ล่ะก็ผมไม่ฟังเพลงรุ่นใหม่อย่างแน่นอน เพราะเสียเวลา ไม่มีความสุนทรีย์ในอารมณ์และประการสำคัญคือ "ห่วยแตก" ไงล่ะ
ร.ดาวรุ่ง หรือที่รู้จักกันก็คือ นริส อารีย์ (บางแห่งเขียนว่า นริศ อารีย์ เอาเป็นว่าคือคนเดียวกัน) ข้อเขียนชิ้นนี้ คุณนริส อารีย์เขียนไว้นานแค่ไหน ผมก็ไม่แน่ใจนัก แต่ก็คงนานกว่า ๒๐ ปีแล้วล่ะ ณ วันนี้ เขาป่วยจนไม่สามารถร้องเพลงได้ และจะมีการจัดคอนเสิร์ตเพื่อหารายได้ช่วยนักร้องท่านนี้และอีก ๓ ท่าน คือ ดอน สอนระเบียบ หยาด นภาลัย และคุณวัชราภรณ์ สุขสวัสดิ์โดยคุณพิมพ์ปฏิภาณ พึ่งธรรมจิตร ผู้เรียบเรียงเสียงประสานชั้นแนวหน้าของเมืองไทย คนจริงใจที่น่าคบหาและน่านับถืออย่างยิ่งเป็นผู้จัด ในวันอาทิตย์ที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ เวลา ๑๔.๐๐ น. ณ ศาลาเฉลิมกรุง อยากให้ไปดูกันนะครับ เพราะนี่คือการช่วยเหลือนักร้องในอดีตที่ประสบกับการป่วยไข้จนทำมาหากินไม่ได้ เอาล่ะคราวนี้เรามาอ่านข้อเขียนของนักร้องระดับแนวหน้าท่านนี้กันเลยนะครับ ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.janicha.net/forum/index.php?topic=180.0
[/color] [/size]