ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ธันวาคม 22, 2024, 09:50:50 pm

 


  หน้าแรก  • ช่วยเหลือ  • ค้นหา  • เข้าสู่ระบบ  • สมัครสมาชิก



สถานีวิทยุออนไลน์
สายสัมพันธ์





ท่านสามารถขอเพลงฟังได้
ที่กล่องขอเพลงด้านซ้ายมือ
แต่อาจไม่ได้รับฟังทุกเพลง
เนื่องจากจะรองรับเพลงตามขอ
ของสมาชิกภายในก่อน
หน้า: [1]
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ประวัตินริศ อารีย์  (อ่าน 11420 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
prisana
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 5306
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1271
สมาชิก ID: 1256


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 28 : Exp 97%
HP: 0%

อนุรักษ์บทเพลงดีมีคุณค่าให้คงอยู่คู่แผ่นดินสืบไป


« เมื่อ: ตุลาคม 22, 2010, 04:05:11 pm »



คุณนริศ อารีย์ เกิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2473 เป็นชาวกรุงเทพฯ
เป็นน้องชายของวรนุช อารีย์ (นักร้องนำ วงสุนทราภรณ์) จบการศึกษาที่โรงเรียนบพิธพิมุข
ตลอดเวลาที่เรียนอยู่นั้นไม่เคยคิดที่จะเป็นนักร้องเลย เพราะต้องการเป็นทหารอากาศ
เมื่อจบก็มุ่งมั่นเข้าสอบเป็นทหาร แต่พลาดไป จึงเที่ยวเตร่ประกวดร้องเพลงตามแรงยุของเพื่อนๆ
เข้าแข่งขันตามงานวัดต่างๆ เรื่อยมา ในนาม “ร. ดาวรุ่ง” ผลปรากฏว่าชนะบ้าง แพ้บ้าง
ต้องเจอกับนักร้องรุ่นพี่อย่างชาญ เย็นแข, เลิศ ประสมทรัพย์ จึงทำให้มุ่งมั่นฝึกฝนที่จะเอาชนะให้ได้

จนเข้าประกวดงานปีใหม่ 2491 ที่เฉลิมกรุง เป็นงานที่ใหญ่มาก
โดยมี พ.ต.โปรย อังสุกานต์ เจ้าของคณะละครวิทยุ อันดับ1 ในยุคนั้นเป็นประธานจัดงาน
และมี คุณเสน่ห์ โกมารชุน เป็นกรรมการตัดสิน
ปรากฏว่าสามารถฝ่าฝันจนได้รับรางวัลชนะเลิศที่ 1 มาครอง
และยังได้เข้าร่วมงานกับคณะละครวิทยุ “ พันตรีศิลปะ ”
เป็นพระรองบ้าง ตัวประกอบบ้าง ซึ่งขณะนั้น คุณบุญช่วย หิรัญสุนทร เป็นพระเอก

ครั้นปี 2492 ทางกรมโฆษณาการ ได้จัดการประกวดนักร้องแห่งประเทศไทยขึ้น
เรียกว่าเป็นการประกวดระดับชาติทีเดียว
ซึ่งมีทั้งนักร้องอาชีพและสมัครเล่นจากทั่วประเทศเข้าสมัครแข่งขันราว 200 คน
คุณนริศ อารีย์ ได้มีโอกาสร่วมแข่งขันในครั้งนี้ด้วย และผ่านเข้ารอบไปชิงชนะเลิศในรอบสุดท้าย
โดยเป็นผู้ประกวดที่มีอายุน้อยที่สุด และได้ตำแหน่งที่ 4

จากนั้นก็เข้าสู่วงการ
 และได้มีโอกาสบันทึกแผ่นเสียงครั้งแรกในเพลง “ชั่วนิจนิรันดร” ของพยงค์ มุกดา
เพลง “เชียงใหม่” ของไสล ไกรเลิศ
 “ผู้แพ้” ของรักษ์ รักษ์พงศ์ ฯลฯ 
คุณนริศ อารีย์ เคยร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่อง มาลัยสามชาย
และละครโทรทัศน์ทางช่อง 4 บางขุนพรหม เรื่อง ตาม่องลาย อีกด้วย






หลายท่านคงทราบมาบ้างแล้วว่า "นริส อารีย์" สร้างชื่อเสียงจากเพลงดังมากมายที่ให้ความสุขแก่ผู้ฟังมายาวนานเกือบ ๖๐ ปี อย่างเช่นเพลง  เปียจ๋า ม่วยจ๋า  ชั่วนิจนิรันดร์ สักวันหนึ่ง ลักยิ้ม ทาสรัก  อย่าหลอกฉันเลย  เพลงนี้อุทิศให้เธอ กลิ่นเกล้า ไฝดำ  ให้ผมรักคุณเถิดนะ  พระลอรำพัน  หัวใจใครครอง และอีกหลายเพลงที่ล้วนมีความไพเราะจากเสียงร้องที่มีเอกลักษณ์  ฟังแล้วสบายใจไม่รำคาญหูเหมือนเพลงยุคนี้บางเพลงซึ่งยากที่ใครจะเลียนแบบได้เหมือน  เพลงของนักร้องท่านนี้อยู่ในหัวใจของหลาย ๆ คนในยุคนั้นรวมทั้งผมที่อยู่ในยุคกลางเก่ากลางใหม่ดูเหมือนผมจะชอบเพลง "กลิ่นเกล้า" มากเป็นพิเศษที่สามารถบรรยายถึงท้องทุ่งนา และสาวบ้านนาได้อย่างลงตัวและไพเราะ ฟังแล้วจินตนาการได้ชัดเจนถึงบรรยากาศในชนบทที่บริสุทธิ์ จากผลงานการแต่งเนื้อร้องโดยคีตกวีลูกทุ่ง "ไพบูลย์  บุตรขัน" ที่คิดและสร้างเพลงมากมาย หลายเพลงเป็นเพลงอมตะที่คงจะลืมไม่ลงและลืมไม่ได้ในชีวิตนี้  บางเพลงก็สืบทอดมายาวนานกว่า  ๖ ทศวรรษหรือ ๖๐ ปีแล้วก็มี    




ผมมีข้อเขียนของ ร.ดาวรุ่ง ที่เป็นชื่อในการประกวดร้องเพลงตามงานวัดของ "นริส อารีย์"  นักร้องดังในยุคเดียวกับสุเทพ วงศ์กำแหง  ชรินทร์ นันทนาคร  และอีกหลายคน  ซึ่งนักร้องในยุคก่อนกว่าที่จะก้าวขึ้นมาเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมจากประชาชนโดยการมีเพลงของตนเองนั้น บอกได้ว่าไม่หมูเลย ไม่เหมือนนักร้องยุคนี้แน่ที่มีเส้นทางที่สั้นและมีเส้น เน้นรูปร่างหน้าตามาเป็นจุดขายมากกว่าเสียงร้องที่เป็นเรื่องของคุณภาพ และยังมีค่ายเพลงที่คอยป้อนเพลงที่แม้จะห่วยแตกยังไงก็ยังทะลุไปยังหูคนฟังได้เพราะซื่อสื่อโดยเฉพาะสื่อวิทยุไว้เต็มกระบุง  จริงมั้ยเอ่ย ?  แต่รับรองได้ว่า หากยังแต่งเพลงลักษณะนี้อยู่ล่ะก็ผมไม่ฟังเพลงรุ่นใหม่อย่างแน่นอน เพราะเสียเวลา ไม่มีความสุนทรีย์ในอารมณ์และประการสำคัญคือ "ห่วยแตก" ไงล่ะ
                 ร.ดาวรุ่ง หรือที่รู้จักกันก็คือ  นริส อารีย์  (บางแห่งเขียนว่า นริศ  อารีย์  เอาเป็นว่าคือคนเดียวกัน) ข้อเขียนชิ้นนี้  คุณนริส อารีย์เขียนไว้นานแค่ไหน ผมก็ไม่แน่ใจนัก  แต่ก็คงนานกว่า ๒๐ ปีแล้วล่ะ  ณ วันนี้  เขาป่วยจนไม่สามารถร้องเพลงได้ และจะมีการจัดคอนเสิร์ตเพื่อหารายได้ช่วยนักร้องท่านนี้และอีก ๓ ท่าน คือ ดอน สอนระเบียบ หยาด นภาลัย และคุณวัชราภรณ์ สุขสวัสดิ์โดยคุณพิมพ์ปฏิภาณ พึ่งธรรมจิตร ผู้เรียบเรียงเสียงประสานชั้นแนวหน้าของเมืองไทย คนจริงใจที่น่าคบหาและน่านับถืออย่างยิ่งเป็นผู้จัด      ในวันอาทิตย์ที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๒  เวลา ๑๔.๐๐ น. ณ ศาลาเฉลิมกรุง  อยากให้ไปดูกันนะครับ  เพราะนี่คือการช่วยเหลือนักร้องในอดีตที่ประสบกับการป่วยไข้จนทำมาหากินไม่ได้  เอาล่ะคราวนี้เรามาอ่านข้อเขียนของนักร้องระดับแนวหน้าท่านนี้กันเลยนะครับ
 







ขอขอบคุณข้อมูลจาก :  http://www.janicha.net/forum/index.php?topic=180.0
[/color]  [/size]
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
prisana
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 5306
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1271
สมาชิก ID: 1256


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 28 : Exp 97%
HP: 0%

อนุรักษ์บทเพลงดีมีคุณค่าให้คงอยู่คู่แผ่นดินสืบไป


« ตอบ #1 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2010, 04:12:08 pm »





"สมัยที่ยังเป็นเด็กนักเรียน ผมเคยตั้งปณิธานไว้ว่า โตขึ้นจะต้องเป็นทหารอากาศให้ได้ จะเป็นด้วยอะไรก็ตามที่ดลใจให้ผมใฝ่ฝันเช่นนั้น มันบอกไม่ถูก นึกไม่ออกจนกระทั่งบัดนี้จริงๆ เอาเป็นว่า "ใจมันชอบ" ก็แล้วกัน
                 ครอบครัวเรามีเพียง ๓ คน คือ แม่ พี่สาว และตัวผมเท่านั้นเอง เราจึงต้องทำงานบ้านทุกอย่าง ช่วยพี่สาวทำกับข้าว หุงข้าวและซักรีดเองทั้งนั้น มันทำให้เป็นคนขยันไปโดยปริยาย เรื่องการเรียนนับได้ว่าดีพอสมควร ความหวังที่ได้ตั้งปณิธานไว้คงไม่พ้นมือเราไปได้เป็นแน่ ใจคิดอย่างนั้น
                แต่คนเราไม่สามารถลิขิตวิถีชีวิตได้ด้วยตนเอง ถึงจะมีความหวังและพร้อมที่จะก้าวไป ถ้าดวงไม่ให้ทุกอย่างมันก็จะพังทลาย จะเรียกว่าพระพรหมลิขิตก็คงจะไม่ผิด  แล้วแต่ละชีวิตจะต้องดิ้นรนต่อสู้ หรือเดินไปบนเส้นทางที่ราบรื่นเหมือนปูด้วยกลีบกุหลาบ  ฉะนั้นมันแล้วแต่ว่า ดวงใครดวงมัน
                 ผมไม่เคยคิดว่าจะมาเป็นักร้องอาชีพ  ไม่เคยฝันที่จะเป็นดารา แต่ความบังเอิญหรือดวงของผมจะต้องเป็นอย่างนั้น ก็ให้มันเลยตามเลย ตกกระไดทั้งทีก็ขอให้กระโจนให้มันไกลเท่าที่เราจะทำได้ ไม่งั้นขามันจะหักนะครับท่าน
                เมื่อครั้งที่เป็นนักเรียนมัธยมปลายปีสุดท้าย ผมเรียนดีมากดูตำราจนตัวผอม ก็หวังจะไปเรียนทหารอากาศต่อให้ได้ บังเอิญที่โรงเรียนเขามีการประกวดร้องเพลง เขาคัดเอาผู้ชนะแต่ละชั้นไปแข่งขันหาผู้ชนะเลิศ ก็บังเอิญอีกนั่นแหละครับ ผมได้เป็นผู้แทนของชั้น แล้วผลปรากฏว่าผมชนะเลิศได้เป็นนักร้องของโรงเรียน นึกแล้วมันน่าขำจริงๆ ครับก็มีที่ไหนบ้าง ผมสอบวิชาขับร้องตก เพราะจำเนื้อเพลงไทยเดิมไม่ได้ แต่กลับได้เป็นนักร้องที่ชนะเลิศของโรงเรียน แล้วจะให้ผมมองหน้าครูที่สอนการขับร้องได้สนิทอยางไร  แต่ครูท่านก็ดีใจหาย ผมสอบวิชาร้องเพลงตก  แต่กลับชนะเลิศในการประกวด ผู้เป็นประธานในการตัดสินครั้งนั้นเป็ฯครูสอนร้องเพลงที่ให้ผมสอบการขับร้องตกนั่นแหละ  





เมื่อจบการศึกษาแล้ว  ก็ไปสมัครเป็น่ทหารอากาศตามที่ตั้งใจไว้ สอบภาควิชาได้แล้ว สัมภาษณ์ก็ได้ แต่ตรวจร่างกายไม่ผ่าน ทุกอย่างก็จบสิ้น ความผิดหวังครั้งนั้นมันหนักหนาจริงๆ ครับ ความที่เป็นเด็ก ความคิดความอ่านยังด้อยเหลือเกิน ความเสียใจทำให้วิถีชีวิตเตลิดไปอย่างไม่มีความหมาย ไม่คิดจะเรียนอย่างอื่นเลย เที่ยวไปกับเพื่อนฝูงอย่างสำมะเลเทเมา และนี่เป็นเหตุหนึ่งของความบังเอิญอีกนั่นแหละเพราะสถานที่เที่ยวเตร่สมัยนั้น ก็มีแต่งานวัดเท่านั้นที่น่าสนุก งานวัดเป็นแหล่งชุมนุมของคนหนุ่มสาวสมัยนั้น และถ้าจะให้ยิ่งใหญ่จริงๆ ก็ต้องมีรำวงและประกวดร้องเพลงด้วยถึงจะโอ่อ่าและมาตรฐาน
               มีประกวดร้องเพลงที่ไหน ผมต้องไปสมัครแข่งขันที่นั่น ชนะบ้าง แพ้บ้าง แต่ก็ได้รางวัลทุกครั้ง อายุผมเวลานั้นก็ประมาณ ๑๘ - ๑๙ จะต้องไปแข่งขันกับนักร้องใหญ่ๆ และเจนเวทีอย่างเช่น เอี่ยวพญา (ชาญ เย็นแข) เลิศ ประสมทรัพย์ และอีกหลายคนที่ล้วนแล้วแต่เขี้ยวลากดินทั้งนั้น ทำให้ประหม่าในศักดิ์ศรี แต่ก็นั่นแหละครับมันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราต้องฝึกฝนมุมานะ  พยายามเอาชนะให้ได้  จึงถือได้ว่าเป็นแรงดลใจทำให้เราก้าวเข้ามาในแวดวงของนักร้องระดับแนวหน้าจนได้  ถึงจะเป็นดารางานวัด ก็น่าภาคภูมิใจ การต่อสู้ด้วยศิลปและการตัดสินที่บริสุทธิ์ผุดผ่องกว่าจะเอาชนะมาได้จะต้องผ่านเข้ารอบถึง ๔ - ๕ รอบ เป็นการต่อสู้กันอย่างมีศักดิ์ศรีของความเป็นนักร้องจริงๆ  ชัยชนะหรือรางวัลถึงเป็นเพียงถ้วยเงินหรือเงินอีกเล็กน้อยก็จริง แต่มันมีค่ามหาศาลกับนักร้องสมัยนั้น มันรู้สึกภาคภูมิ และหนิ่งในเกียรติของความเป็นผู้ชนะ เพราะตวามสามารถของการแสดงออกด้วยการขับร้องที่ได้ชัยชนะมา เป็นสิ่งที่บริสุทธิ์และใสสะอาดและซื้อไม่ได้ด้วยเงิน ไม่มีพรรคไม่มีพวก ประธานตัดสินการประกวดมักจะเชิญนักร้องดังในสมัยนั้น เช่น สิงห์ อิ่มลาภ ล้วน ควันธรรม และข้อสำคัญ เขาจะฟังเสียงปรบมือของผู้ฟังด้วย
 





การประกวดครั้งสุดท้ายที่กรมโฆษณาการ ประมาณ พ.ศ. ๒๔๙๒   เป้นการประกวดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตนักร้องระดับแนวหน้า ทั้งอาชีพและสมัครเล่น สมัครแข่งขันกันทั่วประเทศประมาณ ๒๐๐ คน การคัดเลือกเป็นไปอย่างยุติธรรมจะต้องเข้ารอบครั้งที่ ๓ จึงมีสิทธิ์เข้าไปชิงชนะเลิศได้ นักร้องหลายคนที่มีสังกัดคณะละครวิทยุหรือกรมกองต่างๆส่งได้เข้ารอบ สำหรับผมนั้นไม่มีสังกัด ไม่มีใครสนับสนุนและก็หลงเข้าไปเพียงคนเดียว ทั้งอายุน้อยที่สุดด้วย
                 ผมจำคำพูดของครูแก้ว ซึ่งเป็นกรรมการคนหนึ่งที่เรียกผมเข้าไปหาแล้วบอกว่า " ไอ่หนูเวลาร้องน่ะ อย่าตั้งใจมากนัก มันจะเกร็ง แล้วไม่ต้องไปกลัวมันหรอก อะไรว๊ะ ตัวสั่นเหมือนลูกหมาตกน้ำ อย่ากลัวซีวะ"  พี่เพ็ญศรี พุ่มชูศรี ซึ่งเป็นนักร้องดังมากสมัยนั้นบอกกับผมว่า   "ไอ้หนูไม่ต้องกลัวนะ เธอมีหวังรู้มั้ย"  มันเป็นเพียงคำพูดไม่กี่ประโยคถึงจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม แต่ได้สร้างพลังใจให้ผมอย่างท่วมท้นและไม่ลืมจนกระทั่งบัดนี้
                ผมได้รับรางวัลที่ ๔ ได้ประกาศนียบัตรของกรมโฆษณาการและเงินอีก ๒๐๐ บาทจาก ฯ พณ ฯ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยนั้น  นับเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของการต่อสู้ของผมเอง เป็นการสู้ครั้งสุดท้ายของการแข่งขัน ผมคิดว่ามันเป็นชัยชนะที่น่าจะภาคภูมิใจเป็นที่สุดในชีวิตของการเป็นนักร้อง
                 ชื่อเสียงเกียรติยศที่เราซื้อหามาได้ จะเป็นด้วยเงิน หรืออิทธิพลใดๆก็ตาม  อาจจะหลอกคนอื่นได้ว่า เป็นผู้มีเกียรติ มีชื่อเสียง แต่เราหลอกตัวเองไม่ได้หรอกครับ หรือคุณผู้อ่านจะทำใจได้"  
                                                                                        ร.ดาวรุ่ง


ขอขอบคุณข้อมูลจาก :  http://www.janicha.net/forum/index.php?topic=180.0
               
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
nongna
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 1731
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 589
สมาชิก ID: 1301


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 19 : Exp 68%
HP: 0%

สวัสดีค่ะ


« ตอบ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2011, 02:10:50 pm »

ขอบคุณมากค่่ะ สำหรับประวัติ นริศ อารีย์ อย่างละเอียด ดูรูปตอนหนุ่มกับตอนสูงวัย  เวลาทำให้คนเราหน้าตาเปลีั่ยนไป อนิจจัง
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า

สวัสดีค่ะคุณผู้เยี่ยมชมยินดีที่ได้รู้จักนะคะ
หน้า: [1]
 
 
กระโดดไป:  






Saisampan.net
สายสัมพันธ์ - เพลงลูกทุ่งเก่า (เก่ากว่าที่ท่านคิด)
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!