ความไพเราะกินใจของเพลงเดือนเพ็ญอยู่ที่เนื้อร้อง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอารมณ์ความครุ่นคิดคำนึงถึงความหลังอันได้แก่ท้องนา บ้านเรือน ผู้คน พี่น้อง ที่ผู้แต่งต้องพรากจากบ้านจากเมืองมาเป็นเวลานานอยากจะกลับไปแผ่นดินแม่โดยเร็ว เนื้อร้องเพลงเดือนเพ็ญมีแตกต่างกันไปรายละเอียดบางตอนบางคำ
เนื้อร้องซึ่งได้รับการตรวจทานจาก “ป้าลม” หรือ วิมล พลจันทร ภรรยาของนายผีผู้แต่งแล้วมีดังนี้
“เดือนเพ็ญแสงเย็นเห็นอร่าม นภาแจ่มนวลดูงาม เย็นยิ่งหนอยามเมื่อลมพัดมา แสงจันทร์นวลชวนใจข้า คิดถึงถิ่นที่จากมา คิดถึงท้องนาบ้านเรือนที่เคยเนา
กองไฟสุมควายตามคอก คงยังไม่มอดดับดอก จันทร์เอยช่วยบอกให้ลมช่วยเป่า โหมไฟให้แรงเข้า พัดไล่ความเยือกเย็นหนาว ให้พี่น้องเรานอนหลับอุ่นสบาย
เรไรร้องฟังดังว่า เสียงเจ้าที่เฝ้าคอยหา ลมเอ๋ยช่วยมากระซิบข้างกาย ข้ายังคอยอยู่มิหน่าย มิเลือนเคลื่อนคลาย คิดถึงมิวายที่เราจากมา
ลมเอยจงเป็นสื่อให้ น้ำรักจากห้วงดวงใจ ของข้านี้ไปบอก
เขานะนา (บางเวอร์ชั่นร้องว่า “เขาน้ำนา” ซึ่งผมเห็นว่าได้ความหมายมาก) ให้คนไทยรู้ว่า ไม่นานลูกที่จากมา จะไปซบหน้าในอกแม่เอย"
(อ้างอิงข้อมูลจากข้อเขียนของลุงแว่น
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=skit&month=02-03-2009&group=7&gblog=1)
ทดลองฟังเพลงเดือนเพ็ญ
แสดงความคิดเห็นหน่อยค่ะ