ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
มีนาคม 19, 2024, 09:47:00 AM

 


  หน้าแรก  • ช่วยเหลือ  • ค้นหา  • เข้าสู่ระบบ  • สมัครสมาชิก



สถานีวิทยุออนไลน์
สายสัมพันธ์





ท่านสามารถขอเพลงฟังได้
ที่กล่องขอเพลงด้านซ้ายมือ
แต่อาจไม่ได้รับฟังทุกเพลง
เนื่องจากจะรองรับเพลงตามขอ
ของสมาชิกภายในก่อน
หน้า: 1 [2] 3 4
 
ผู้เขียน หัวข้อ: 44 สาวงามในประวัติศาสตร์จีน (กระทู้ต่อเนื่อง)  (อ่าน 117717 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
tanay2507
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 5543
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1931
สมาชิก ID: 27


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 35 : Exp 73%
HP: 0%


เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: กันยายน 13, 2012, 04:44:16 PM »


<a href="http://www.swfcabin.com/swf-files/1346323637.swf" target="_blank">http://www.swfcabin.com/swf-files/1346323637.swf</a>

14-15 สองเกี้ยวบุปผางามแห่งกังตั๋ง-ไต้เกี้ยว เสียวเกี้ยว

หญิงงามในประวัติศาสตร์จีน ต่างถูกยกย่องโดยการร่ำลือจากปากต่อปากของคนจีน ส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์กับการบันทึกทางประวัติศาสตร์อันน้อยนิด

ดั่งเช่นพระชายาของเจ้า ฉู่ป้าหวาง ยู่จี (ง่อกี)

ภรรยาของ ซุนเซ็ก ไต้เกี้ยว และภรรยาของ จิวยี่ เสี้ยวเกี้ยว หนังสือประวัติศาสตร์ต่างให้ความสำคัญน้อยยิ่ง ทั้งประวัติความเป็นมา และการบอกเล่าแตกต่างกัน

จึ่งเป็นความสงสัยของคนรุ่นหลัง ต้องทำการสืบสาวค้นคว้า แต่ก็ยังมิมีความกระจ่างพอ

เนื่องจากประวัติของนาง สองเกี้ยว มักมีที่มาจากนักกวีนักประพันธ์ ซึ่งได้ผูกโคลงกลอนให้พี่น้องสองใบเถานี้มีความสัมพันธ์กับ โจโฉ อันเป็นบทกลอนที่มีอยู่ในหนังสือ “ซานกวอหยิ่นอี้”

ก็มีบทกลอนหนึ่งกล่าวอ้างพาดพิงถึง อย่างไรก็ตาม ตามหนังสือนิยาย “ซานกว๋อหยิ่นอี้” ได้ถูกตกแต่งมาด้วยระยะกาลเวลาอันยาวนาน ชนชั้นหลังต่างเข้าใจว่าเป็นบทความที่มีร่องรอยเหลืออยู่ทางประวัติศาสตร์

ดั่งบทกลอนของ ตู้มู่ (โต่วมก) นักกวีราขวงศ์ ถัน (ทั้ง) ได้แต่งบทกวีตอน “เซ็กเพ็ก รำลึก” ว่า

“ตีเหล็กหลอมหอกอาวุธเหล็กยังมิหายร้อน, รีบด่วนลับคมมิทันกาล, ลมตะวันออกพัดมามิทันใจ โจวหลาน (จิวนึ้ง..จิวยี่), ฤดูใบไม้ผลิอภิรมย์สู่ สองเกี้ยว,”

แม้ว่าจักเป็นคำกลอนลอย ๆ มิมีประวัติที่มาที่ไป นักกวี ตู้มู่ มิได้นำนาง สองเกี้ยว มาแต่งร่วมกับ โจโฉ




ไต้เกี้ยว


มินานมานี้ ต่างมีเหล่านักศึกษานักวิจารณ์ถึงเรื่องราวของนาง สองเกี้ยว แต่ก็ยากที่จักสืบสาวราวเรื่องของนางทั้งสอง

การสืบสาวก็คือการค้นคว้าหาจากการบันทึกของหนังสือเก่า ๆ มีหนังสือหลาย ๆ เล่มกล่าวถึงประวัติของยุค สามก๊ก จำนวนมาก แต่มีจำนวนน้อยที่กล่าวถึงนาง สองเกี้ยว

แต่มี 2 - 3 ตอนที่ถูกมองข้ามไป

ก่อนอื่น ดูจาก “ซานกว๋อจี้” (บันทึกโดย เฉินโซ่ว) ตอนประวัติของ จิวยี่ กล่าวว่า

“……..เซ็ก (ซุนเซ็ก) ต้องการควบคุมดินแดน เกงจิ๋ว โดยมี จิวยี่ เป็นผู้ช่วยเหลือ ด้วยการปกครองยึดดินแดนเป็นเจ้าเมือง กังแฮ แล้วบุกโจมตี วาน (อ๊วง..หมายถึงมณฑล อันเฟย) พบกับบุตรีทั้งสองของ เกียวก๋ง มีความงดงามหาหญิงใดเทียบ เซ็ก ได้กับ ไต้เกี้ยว ส่วน ยี่ ได้กับ เสียวเกี้ยว”

นอกจากนี้ “ซานกว๋อจี้ ยังมีกล่าวพาดพิง ซุนเซ็ก, จิวยี่, และนาง สองเกี้ยว อีกว่า

“……..เซ็ก กล่าปรารภกับ ยี่ ว่า บุตรีสองนางของ เกียวก๋ง ผู้พลัดถิ่น เกียวก๋ง ได้เราทั้งสองเป็นเขย นับว่าน่ายินดียิ่ง…..” คำกล่าวนี้ เมื่อ
เปรียบเทียบกับตอนประวัติของ จิวยี่ ยิ่งกระจ่างแจ้ง ด้วยคำบันทึกว่า

“บุตรีสองนางของ เกียวก๋ง แม้นพลัดถิ่น”

นั้นแสดงถึงสถานภาพของนาง สองเกี้ยว ก่อนแต่งงานกับ ซุน, จิว, มีสถานภาพเช่นใด

แสดงว่า นาง สองเกี้ยว นี้ เป็นชาว อันเฟย แต่ขาดหลักฐานเป็นการยากพิศูจย์สืบสาวราวเรื่อง

หรือว่านางทั้งสองกำเนิดมามิใช่คน อันเฟย อาจเป็นเพราะว่าการเกิดศึกสงคราม ทำให้นางทั้งสองต้องหนีเร่ร่อนจากถิ่นกำเนิดมาถึง วาน (อันเฟย)

แต่เป็นที่แน่นอนว่า ซุนเซ็ก และ จิวยี่ ได้ตกแต่งกับนางทั้งสอง ณ ดินแดน วาน (อันเฟย) ต่อมาชนชั้นหลังต่างเข้าใจกันว่านางทั้งสองเป็นชาว วาน (อันเฟย)

ซุนเซ็ก และ จิวยี่ ต่างได้นาง สองเกี้ยว นั้นคือปีศักราช เจี้ยนอัน ปีที่ 3 ซุนเซ็ก และ จิวยี่ ต่างมีอายุ 24 ปีด้วยกันทั้งคู่

ก่อนหน้าของปีนั้น ซุนเซ็ก มีตำแหน่งเป็นเจ้าเมือง ฮุ่ยจี (ฮ่วยกี..ห้อยเข) และปีนั้น ก็ได้รับยศเป็นเจ้าเจ้า อู๋โฮ่ว (โง่วโหว) และมีตำแหน่งทางทหารเป็นแม่ทัพ เตานิเจียนจวิน (ท่อเง็กเจียงกุง..แม่ทัพต่อต้าน)

เขาทั้งสอง ได้ประสบยลพักตร์กับพี่น้องสองใบเถา เกี้ยวสี ด้วยความวุ่นวายในสนามรบ เมื่อศักราชเจี้ยนอัน ปีที่ 3 ณ ดินแดนฝั่งเหนือของแม่น้ำ ฉานเจียน (เชี่ยงกัง..แยงซีเกียง) ซึ่งปัจจุบันนี้คือใจกลางเมือง ชีจิ๋ว

มีการทำศึกสงครามมิหยุดหย่อน ลิโป้ กับ เล่าปี่ ได้รบรากัน โจโฉ ได้นำกองทัพตี ลิโป้ แตก

ถ้าหากเป็นเวลาของปีนั้น โจโฉ ก็ได้ป้วนเปี้ยนอยู่ในดินแดนแถบนี้เช่นกัน ถ้าเช่นนั้น โจโฉ ก็มีโอกาสยลโฉมประสบพักตร์ของพี่น้องสองใบเถา สองเกี้ยว ด้วยเช่นเดียวกัน

เมื่อพิจารณาดูจาก สามก๊ก ทำให้เราเชื่อได้ว่านาง สองเกี้ยว ได้พลัดพรากหลงเข้ามาในสนามรบสงคราม นางทั้งสองคงมีมนุษย์สัมพันธ์กันดียิ่ง

กอบกับความงามความเฉลียวฉลาดของทั้งสองนางและ ชื่อเสียงของ สองนางจึ่งเป็นที่ยกย่องลือกระฉ่อน

หากเป็นหญิงชาวบ้านธรรมดา คงยากที่จักมีชีวิตหนีรอดจากการสงคราม


สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 13, 2012, 05:00:46 PM โดย tanay2507 » บันทึกการเข้า
tanay2507
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 5543
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1931
สมาชิก ID: 27


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 35 : Exp 73%
HP: 0%


เว็บไซต์
« ตอบ #16 เมื่อ: กันยายน 13, 2012, 04:52:58 PM »


เสี่ยวเกี้ยว

การที่สังคมกระชับความสัมพันธ์กับเหล่าขุนศึกมิว่าฝ่ายใดก็ตาม สองเกี้ยว จึ่งเป็นที่เกรงใจแก่เหล่าทหารทั่ว ๆ ไป อีกทั้งหน้าตาของ เกียวกง บิดาของทั้งสองนาง ก็ได้ประกบกับนางทั้งสอง

เมื่อ โจโฉ บุกยึดดินแดนใกล้เคียงกับ ชีจิ๋ว ก็คงได้ยินกิตติศัพท์ความงามของนาง สองเกี้ยว หรืออาจจะมีผู้แนะนำให้รู้จักกัน

โจเม่งเต็ก มีนิสัยชมชอบเรื่องโลกีย์อยู่แล้ว เมื่อเห็นนางงามสองใบเถาจักมิมีจิตพิศสวาทเชียวหรือ คงจดจำนางทั้งสองอย่างประทับใจ

แต่ภาระการศึกสงครามนั้นมีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โจโฉ จึ่งจำเป็นต้องยุ่งอยู่กับภาระกิจการสงคราม มิมีเวลามาก จึ่งได้จากลาจากนาง สองเกี้ยว ด้วยความอาลัย

เพราะว่าแม้น โจโฉ จักมีใจเสเพ แต่หน้าที่การแก่งแย่งในใต้หล้านั้นสำคัญกว่า

สำหรับนาง สองเกี้ยว ก็ติดภาระเกรงกลัวภัยจากสงคราม ต่างคิดหนีเอาชีวิตรอด นางงาม คู่กับภาวะศึกสงครามอันวุ่นวาย นับว่าอันตรายยิ่ง

นางทั้งสองจึ่งต้องเร่ร่อนระหกระเหิร ประจวบมาพบกับสองผู้นำนายทัพหนุ่มแห่ง กังตั๋ง ซุนเซ็ก และ จิวยี่

วีระบุรุษคู่กับนางงามในประวัติศาสตร์จึ่งได้บังเกิด ดั่ง ซุนเซ็ก, จิวยี่, และนาง สองเกี้ยว

กล่าวถึงอายุวัยสาวของนาง สองเกี้ยว ขณะนั้นคะเนอายุคงได้ 16 - 17 ปี ส่วน ซุนเซ็ก และ จิวยี่ มีอายุเท่ากัน 24 ปี

“ซานกว๋อจี้” บันทึกบุคลิคลักษณะอุปนิสัยของ ซุนเซ็ก ว่า

“”เซ็ก รูปร่างหน้าตาสวยงามทรนงองอาจ ยิ้มง่าย ชอบรับฟัง รู้จักใช้คนเป็น ชอบคบบัณฑิต ร่วมเป็นร่วมตาย”

ขณะนั้น มีหลายคนมิอาจมิกล่าวชมเชยเขา ดั่งคำพูดของ อ้วนสุด ว่า

“หาก ซุก มีบุตรดั่ง ซุนหลาน (ซุงนึ้ง) แม้นตายข้าก็นอนตาหลับ”

ภายหลัง โจโฉ มีโอกาสพูดคุยกับ ซุนกวน ก็ได้กล่าวชมเชย ซุนเซ็ก เช่นกัน

สำหรับ จิวยี่ ก็เป็นชายหนุ่มรูปหล่อ ตามบันทึก “ซานกว๋อจี้” จิวยี่ หนุ่มน้อยหน้าตาหมดจรด มีความสามารถการฟังดนตรี แม้นดื่มสุราสมาธิยิ่งเที่ยง หากฟังดนตรีแล้วมีท่วงทีผิดทำนอง เขาต้องมีความรู้สึก

ขณะนั้น ชาวบ้านมีคำพังเพยกล่าวขวัญกันว่า

“ดนตรีผิดพลาด โจวหลาน (จิวนึ้ง) รู้สึก”

ชายรูปหล่อสองนายนี้ แต่งงานกับ สองเกี้ยว ดั่งเช่นวีระบุรุษคู่กับหญิงงามมิพลาดแล้ว



แต่ทว่า มีคำพังเพยกล่าวกันว่า “หญิงงามมักด้อยวาสนา” สองเกี้ยว ก็เฉกเช่นเดียวกัน

ไต้เกี้ยว แต่งกับ ซุนเซ็ก ได้พียง 3 ปี คือปีศักราช เจี้ยนอัน ปีที่ 5 ซุนเซ็ก บุกโจมตี เกงจิ๋ว ถูกลูกเกาทัณฑ์ตาย อายุที่เพิ่งย่างเข้าสู่วัยสาว ไต้เกี้ยว กลับกลายเป็นแม่ม่าย

ชีวิตการครองเรือนระหว่าง ซุนเซ็ก กับ ไต้เกี้ยว มีเวลาอันแสนสั้น เมื่อยามอยู่นั้น ซุนเซ็ก ยังคงยุ่งอยู่กับการทำศึก มิค่อยมีเวลาให้ ไต้เกี้ยว ปรนนิบัติ

ภายหลังการแต่งงานระหว่าง ศักราช เจี้ยนอัน ปีที่ 3 ถึงที่ 5 ซุนเซ็ก มักออกรบอยู่ในสนามรบ มิค่อยมีเวลาร่วมหลับนอนกับ ไต้เกี้ยว

ส่วนระหว่าง จิวยี่ กับ เสียวเกี้ยว ก็เฉกเช่นเดียวกัน เพียงแต่ เสียวเกี้ยว มีชีวิตการครองเรือนยืดนานกว่าพี่สาว

และเมื่อ ซุนเซ็ก ตายไปมิเกิน 3 ปี ซุนกวน โดยการช่วยเหลือของ จิวยี่ สามารถปราบดาดินแดน กังตั๋ง ได้ ดินแดน ง่อก๊ก ก็เริ่มเจริญรุ่งเรือง

ดั่งนั้น ชื่อเสียงกิตติศัพท์ของนาง สองเกี้ยว ก็ยิ่งระบือไกล

ภายหลังเมื่อดำรงตำแหน่งแม่ม่ายของ ไต้เกี้ยว ชีวิตการครองเรือนแม้นจักเงียบเหงาอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว แต่ทางด้านสังคมของคนรอบด้านคงปกติสุข

ด้วยวัยอันสาว กับฐานะอันสูงส่งทางสังคม สถานภาพขนมประเพณีของสังคมสมัยนั้นยังมิเคร่งครัดมากสำหรับหญิงและชาย บางครั้งชายหญิงร่วมกินร่วมเที่ยวด้วยกันก็คงมีบ้าง

หลิวอี้ซิ่น (เล่างี่เข่ง) นักประพันธ์ของจีนสมัยใหม่ ได้เขียนในหนังสือของเขาว่า

เมื่อภายหลังที่ ซุนเซ็ก ตายจาก ไต้เกี้ยว ได้โยกย้ายมาพำนัก ณ เจี้ยนเย่ว์ (เกี่ยงเงียบ) ปัจจุบันคือนคร นานจิน เมื่อตอนต้นปีศักราช หวงหรง (อึ่งเล้ง..ชื่อปีศักราชของ ซุนกวน)

ไต้เกี้ยว นางได้โยกย้ายมา ณ เจี้ยนเย่ว์ ภายหลัง ซุนกวน แม้นว่าพฤติกรรมของนางเป็นเรื่องภายในที่คนภายนอกยากที่จักรู้ แต่การเป็นแม่ม่ายสาวรวยเสน่ห์เช่นนาง ไต้เกี้ยว ใคร ๆ ก็ยิ่งใคร่อยากรู้เห็น

ส่วนชีวิตวัยครองเรือนสำหรับ เสียวเกี้ยว ภายหลังการแต่งงานกับ จิวยี่ นับเป็นเวลาได้ 13 ปี

จิวยี่ ถึงแก่กรรมเมื่อศักราช เจี้ยนอัน ปีที่ 15 ขณะนั้น จิวยี่ มีอายุได้ 36 ปี

ส่วนนาง เสียวเกี้ยว ตอนเป็นแม่ม่าย อายุยังมิถึง 30 ปี

วีระบุรุษมักมิค่อยให้ชาวโลกแลเห็นผมขาว นั่งจึ่งเป็นที่สะเทือนใจของหญิงงาม

นับตั้งแต่การตายของ ซุนเซ็ก ตลอดถึงความตายของ จิวยี่ แม้นว่ามีระยะเวลากาลนานถึง 10 ปี ในชั่วเวลา 10 ปีนี้ เสียวเกี้ยว มีเวลาอภิรมย์กับสามีวีระบุรุษ จึ่งรู้จัดรสชาดแห่งความรักใคร่ของโลกีย์วิสัย

ส่วน ไต้เกี้ยว นั้น นางได้แต่ใช้เวลาท่องเที่ยว ออกสังคมปลดความว้าเหว่

โจโฉ ซึ่งอยู่ ณ ฮูโต๋ คงได้ยินกิตติศัพท์ จึ่งมีความหวังในตัวนาง สองเกี้ยว ก็ด้วยช่วงเวลานี้

ซี่โซ่วลู่ (ซิบขักโล่ว) คนสมัยยุคราชวงศ์ จิ้น (จิ่ง) ก็มองสภาพของนาง สองเกี้ยว กับสามี ซุน, จิว, เป็นความรู้สึกเช่นปุถุชน มิเห็นแปลก



ในนิยาย “ซานกว๋อหยิ่นอี้” ผู้แต่งได้เขียนถึง จูกัดเหลียง เมื่อยามไปเยือน ตังง่อ ได้อ้างบทกวีของ โจสิน แต่งขึ้นตอนฉลองปราสาทหอนกยูงของ โจโฉ มาเป็นการแทงใจดำต่อ จิวยี่

นี่เป็นเรื่องน่าขบขันยิ่ง “กลอนของ โจสิด กล่าวพาดพิงนาง สองเกี้ยว ว่า

“อันนาง สองเกี้ยว นี้, ดุจสายรุ้งบนฟากฟ้า”

แต่ใน “ซานกว๋อหยิ่นอี้” แก้เป็นว่า

“อันนาง สองเกี้ยว นี้, ร่วงสังสรรค์ยามเช้าค่ำ”

ตามระยะกาลเวลา และบทกวี ล้วนแล้วแต่ผิดกาลเทศะ เมื่อตอนที่ โจโฉ ยกทัพลงใต้พิชิตตะวันออกนั้น โจโฉ ได้พ่ายแพ้การศึกยุทธนาวี เซ็กเพ็ก เมื่อปีศักราช เจี้ยนอัน ปีที่ 13

และเมื่อ โจโฉ สร้างปราสาทหอนกยูง โจสิด แต่งบทกวีสรรเสริญนั้น อยู่ในปีศักราช เจี้ยนอัน ปีที่ 15

แต่เมื่อตอนที่ ขงเบ้ง กล่าวคำกลอนเพื่อแทงใจดำ จิวยี่ นั้น เป็นคำกลอนที่ โจสิด แต่งขึ้นหลังจากนั้น 2 ปี

เป็นไปได้ไหมว่า ข่าวการตายของ ซุนเซ็ก ซึ่งทิ้ง ฮูหยิน นาง ไต้เกี้ยว อันสวยสดงดงาม ถูกระบือไปถึงหูของ โจโฉ

โจโฉ จึ่งได้ระบายความในใจเมื่อครั้งยลประสบพักตร์ของนาง สองเกี้ยว

และถูกผู้ได้ฟังถ่ายทอดออกไปอีกที

ยังมีปัญหาต่อไปอีกในเหล่านักศึกษาว่า ที่แท้แล้ว ระหว่างนาง ไต้เกี้ยว และนาง เสียวเกี้ยว ผู้ใดมีความสวยสดงดงามกว่าใคร

คนส่วนใหญ่เชื่อกันว่า ไต้เกี้ยว ย่อมงดงามกว่า เสียวเกี้ยว ด้วยเหตุผลที่ว่า ซุนเซ็ก นั้นเป็นผู้นำ จึ่งมีสิทธิ์เป็นผู้เลือกสาวงามก่อน จึ่งได้เลือกนาง ไต้เกี้ยว

แต่ทว่าคนอย่าง จิวยี่ นั้น เป็นผู้มิยอมตามหลังใครง่าย ๆ กล่าวอีกที ผู้นำใจเด็ดเดี่ยว ย่อมมุ่งความสำเร็จในการใหญ่เป็นสำคัญ ความงามของหญิงเป็นเรื่องรอง

หากคนทั้งสองต่างฝ่ายต่างเลือกนาง สองเกี้ยว ก็คงเกี่ยวกับความรักและอุปนิสันอันต้องกันและกันมากกว่า

ตามบทกวีของ ซูจงโป (โซวตงปอ) เกี่ยวกับการเลือกหญิงงามว่า

“หวนคะนึงกลับถึง กงกึ้ง (จิวยี่) ปีนั้น เพิ่งได้แต่งนวลเสน่ห์ เสียวเกี้ยว วีระบุรุษได้การปรนนิบัติ ขนนกพัดวีชโลมผ้าเย็น เสียงหัวร่อต่อกระซิก กำแพงมีปีกก็พลอยมีสุข”

ด้วยคำกลอนมิกี่คำนี้ เพิ่มเติมความมีเสน่ห์สวยงามให้แก่ เสียวเกี้ยว เป็นความประทับใจ จิวยี่ มีคุณนายสาวประดับบารมีวีระบุรุษ ก็ย่อมสุขกายสบายใจ

กล่าวโดยสรุป นาง สองเกี้ยว นี้ต่างมีความสวยงามและรวยเสน่ห์ จนกระทั่ง โจโฉ ยังอดอิจฉามิได้

แต่ทว่ากับความรู้สึกต่อนาง สองเกี้ยว นี้ ยังมิมีการบันทึกทางประวัติศาสตร์ นางงามดังคับฟ้า ไฉนจึ่งมิมีการบันทึก

ปัจจุบัน ณ เมืองอู่จิ้น (บู่จิ่ง) ในมณฑล กันซู มีสุสานของนาง เสียวเกี้ยว แต่คนทั่วไปต่างสงสัยกันว่า เป็นที่ฝังศพของนาง เสียวเกี้ยว จริงหรือ หรือว่าฝังเพียงแต่เสื้อผ้าเครื่องใช้สอยของนางเท่านั้น ด้วยผ่านกาลเวลามานานแสนนาน จึ่งยากแก่การคาดคะเนคาดเดา

แม้นว่า ทางใต้ของมณฑล กันซู ตลอดถึงดินแดน อี้ซิ่น (งี่เฮง) มีสุสานจำนวนมากมาย

แต่นาง เสียวเกี้ยว ก็ได้อยู่อาศัยเป็นคน ง่อ ศพถูกฝัง ณ ที่นี้ ก็อาจเป็นไปได้

นอกจากนี้ ณ เย่ว์หยาน (งักเอี้ยง) ในมณฑล หูหนาน ก็มีหลุมฝังศพสุสานของนาง สองเกี้ยว มิทราบว่าเป็นเพียงสุสานของนาง ไต้เกี้ยว หรือนาง เสียวเกี้ยว หรือว่านางทั้ง สองเกี้ยว ถูกฝังอยู่เคียงคู่กัน

เมือง เย่ว์หยาน ในมณฑล หูหนาน ก็อยู่แนวทางเดียวกับเมือง ฉานซา (เชี่ยงซัว..เตียงสา) ซึ่งสมัยนั้น ก็เป็นเขตแดนของดินแดน ง่อ แต่การสันนิษฐานว่าสุสาน ณ เย่ว์หยาน นั้น เทียบเคียงกับสุสาน ณ อู่จิ้น มีความเป็นไปได้น้อยกว่า

เกี่ยวกับอุปนิสัยและคุณสมบัติของนาง สองเกี้ยว ยิ่งยากลำบากแก่การค้นคว้าทางประวัติศาสตร์

แต่ทว่าก่อนรัชสมัยของราชวงศ์ ซ่ง (ซ้อง) เรื่องราวของนาง สองเกี้ยว นี้ถูกร่ำลือกันมิใช่น้อย หรือว่า คนสมัยนั้น นำเรื่องราวของนาง สองเกี้ยว มาพูดคุยกันอย่างคะนองปากเอง

มีการบันทึกของในยุคสมัยราชวงศ์ ถัน (ทั้ง) แต่เป็นเรื่องราวที่มิค่อยน่าเชื่อถือ เพราะมีบันทึกว่า

บัณฑิต ผู้หนึ่ง ได้สนทนากับปีศาจ มีการกล่าวพาดพิงถึงนาง สองเกี้ยว และความสัมพันธ์กับ โจโฉ

จากการบันทึกนี้ ทำให้นึกถึงบทกวีของ ตู้มู่ กล่าวถึงความสัมพันธ์ของ โจโฉ ที่มีต่อนาง สองเกี้ยว จึ่งเป็นอันเชื่อได้ว่าวัตถุดิบเรื่องราวของนาง สองเกี้ยว มีมาตั้งแต่ยุคสมัยราชวงศ์ ถัน

ต่อมาภายหลัง คำร่ำลือถึงนาง สองเกี้ยว ก็จืดจางลง จึ่งเหลือเป็นความสงสัยมาตราบเท่าปัจจุบัน


** ขอบคุณข้อมูลจากเว็บ ไทยสามก๊ก **
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 13, 2012, 05:29:30 PM โดย tanay2507 » บันทึกการเข้า
tanay2507
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 5543
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1931
สมาชิก ID: 27


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 35 : Exp 73%
HP: 0%


เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: กันยายน 17, 2012, 09:47:36 PM »



16. เอียนสี งามทั้งกาย งามทั้งใจ

เอียนสี เป็นตัวละครในวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์เรื่องสามก๊กที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ยุคสามก๊ก ฮองเฮาแห่งวุยก๊ก มีชีวิตอยู่ระหว่าง พ.ศ. 726 - พ.ศ. 764
เอียนสีเป็นหญิงสาวสามัญชนธรรมดาที่ฐานะไม่ร่ำรวยมากนัก ลักษณะนิสัยตามคำบรรยายในสามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) เป็นคนนิสัยอ่อนโยน ค่อนข้างไว้ตัว เรียบร้อย มีอารมณ์ศิลปิน สามารถแต่งโคลงกลอนต่าง ๆ ได้ตั้งแต่เด็ก มักจะทำทานให้คนยากไร้เสมอ แต่งงานครั้งแรกกับอ้วนฮีลูกชายคนรองของอ้วนเสี้ยวเมื่ออายุได้ 16 ปี ต่อมาโจโฉทำศึกสงครามชนะอ้วนเสี้ยว จึงยึดเมืองและสั่งห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าไปยังตำหนักของอ้วนเสี้ยวโดยเด็ดขาด เนื่องจากโจโฉแอบหลงรักเอียนสีที่หลบซ่อนอยู่ในตำหนัก



         โจผีซึ่งติดตามโจโฉในการทำศึกกับอ้วนเสี้ยว ได้ฝ่าฝืนคำสั่งของโจโฉด้วยการแอบเข้าไปยังตำหนักอ้วนเสี้ยว รุ่งเช้าโจโฉพบโจผีอยู่กับเอียนสีและเอ่ยปากขอเอียนสีเป็นภรรยา สร้างความโกรธให้แก่โจโฉเป็นอย่างยิ่งจึงลงโทษฐานที่ขัดคำสั่งและกลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้โจโฉรักโจสิดมากกว่าโจผี หลังจากเอียนสีเป็นภรรยาของโจผี โจสิดเริ่มหลงรักและคิดแย่งชิงเอียนสีจากโจผี เพราะคิดว่าโจผีแย่งชิงมาจากโจโฉเช่นกัน หลังจากโจโฉเสียชีวิตและโจผีขึ้นครองราชย์แทน เอียนสีจึงเป็นฮองเฮาแห่งราชวงศ์วุย มีบุตรด้วยกันหนึ่งคนคือโจยอย ตามบันทึกจดหมายเหตุระบุว่าเอียนสีเสียชีวิตเพราะป่วย แต่ในเกร็ดพงศาวดารระบุว่าเอียนสีถูกสำเร็จโทษด้วยยาพิษ เพราะถูกจับได้ว่าแอบลอบคบกับโจสิด


สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
tanay2507
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 5543
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1931
สมาชิก ID: 27


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 35 : Exp 73%
HP: 0%


เว็บไซต์
« ตอบ #18 เมื่อ: กันยายน 18, 2012, 04:46:55 PM »



17. เจ้าหญิงเล่อชาง กระจกแตกผสานกลับ กับความรักผสานคืน

โพ่วจิ้งฉงหยวน : กระจกแตกกลับประสาน

ในยุคราชวงศ์ใต้ ฮ่องเต้องค์สุดท้ายแห่งรัฐเฉินนาม เฉินป้าเซียนนั้น มีขนิษฐานางหนึ่งนามว่า เล่อชาง ซึ่งมีศิริโฉมครบถ้วนตามองค์ประกอบของหญิงงามแห่งยุค อีกทั้งความสัมพันธ์ของนางและคู่ครองคือ สีว์เต๋อเอี๋ยน ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องเขยขององค์ฮ่องเต้นั้นก็เป็นไปด้วยดี

ครั้นเมื่อกองกำลังทหารของราชวงศ์สุยทางตอนเหนือบุกลงมาโจมตี ส่งผลให้รัฐเฉินตกอยู่ในความเสี่ยงยิ่งนัก เมื่อเห็นดังนั้น สีว์เต๋อเอี๋ยน จึงตระหนักว่าตนและภรรยาคงจะไม่มีวาสนาได้ครองคู่กันต่อไป จึงนำกระจกบานหนึ่งมาทุบแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งมอบให้องค์หญิง อีกส่วนเก็บไว้ที่ตนเอง ทั้งสองสัญญากันว่า วันใดหากโชคร้ายต้องพลัดพรากกันไป เมื่อถึงวันพระจันทร์เต็มดวงของวันขึ้นปีใหม่ ให้ทั้งคู่นำกระจกครึ่งบานนั้นออกมาเร่ขายที่ท้องถนน เพื่อได้มีโอกาสพบกันอีกครั้ง

ไม่นานรัฐเฉินก็ถูกสุยล้มล้างไปดังคาด สีว์เต๋อเอี๋ยนและเล่อชางพลัดพรากจากกันไปด้วยเหตุแห่งชะตากรรม โดยองค์หญิงเล่อชางตกเป็นของหยางซี่ว์ เสนาบดีใหญ่คู่ใจฮ่องเต้สุยเหวินตี้

เมื่อวันขึ้นปีใหม่เวียนมาถึงอีกครั้ง สีว์เต๋อเอี๋ยนจึงได้นำกระจกครึ่งบานออกมาเร่ขายตามคำสัญญา ปะเหมาะพอดีพบเด็กรับใช้ผู้หนึ่งนำกระจกอีกครึ่งบานออกมาเร่ขายเช่นกัน เขาจึงเข้าไปตรวจสอบดู พบว่าเป็นกระจกครึ่งบานที่บรรจบได้พอดีกับอีกครึ่งของตนเอง ซึ่งก็คือกระจกครึ่งที่เขามอบให้นางอันเป็นที่รักไปก่อนพรากจาก
เมื่อพบกระจกใจจึงกระหวัดถึงเจ้าของ สีว์เต๋อเอี๋ยนอดมิได้จึงหลั่งน้ำตาออกมา จากนั้นได้จารึกบทกวีไว้บนบานกระจกครึ่งที่ได้พบว่า

“กระจกพราก…คนจาก
กระจกหวนคืน แต่คน…ไม่
ไร้เงา นางฉางเอ๋อ(นางเซียนในเทพนิยายจีน)
ลับอับแสง ตะวัน-จันทรา”

เด็กรับใช้นำกระจกครึ่งที่จารึกบทกวีไว้นั้นกลับไปมอบให้องค์หญิงเล่อชาง ทำให้องค์หญิงโศกเศร้ายิ่งนัก ภายหลังเสนาบดีหยางซี่ว์ล่วงรู้เรื่องดังกล่าว จึงได้ให้คนไปเชิญสีว์เต๋อเอี๋ยนมาที่บ้าน และยอมปล่อยองค์หญิงเล่อชางให้กับสีว์เต๋อเอี๋ยน ต่อมาทั้งสองจึงเดินทางกลับเจียงหนันด้วยกัน ครองคู่จนแก่เฒ่า

สำนวน “โพ่วจิ้งฉงหยวน” หรือ “กระจกแตกกลับประสาน” ใช้เปรียบเปรยถึงสามี ภรรยาที่เลิกรากัน หรือพลัดพรากจากกัน แล้วได้กลับมาครองคู่กันดังเดิม


สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 18, 2012, 04:53:05 PM โดย tanay2507 » บันทึกการเข้า
คนรักดี2012
สมาชิกเต็มตัว
*

คำขอบคุณ: 1917
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 505
สมาชิก ID: 1921


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 18 : Exp 21%
HP: 0.1%


« ตอบ #19 เมื่อ: ตุลาคม 31, 2012, 06:55:32 AM »

ไปเอาที่ไหนอย่างนี้ครับท่านทนาย ยอดเยี่ยมจริงๆ
ถ้าจะว่าความ ต้องให้ท่านเป็นทนายแน่ๆครับ
ขอบคุณครับ
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า

อย่าท้อใจในการทำดี พลิกวิถีชีวี ไปสู่การเป็นยอดคน
tanay2507
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 5543
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1931
สมาชิก ID: 27


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 35 : Exp 73%
HP: 0%


เว็บไซต์
« ตอบ #20 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2012, 10:46:24 PM »



18. บูเช็คเทียน จักรพรรดินี 1 เดียวในประวัติศาสตร์จีน

    ผู้หญิง เป็นเพศที่มักถูกกำหนดให้อยู่เบื้องหลังเสมอ แม้ว่าในประวัติศาสตร์จะปรากฏ ชื่อผู้หญิงหลายคน ที่เป็นผู้ชี้นิ้วกำหนดชะตาผู้ชายด้วยวิธีแยบยลนุ่มนวล อย่าง เนเฟอร์ตีติ ที่กำอำนาจจากสามี ไว้ในมือ จนได้ครองตำแหน่ง สูงที่สุดของฝ่ายใน คือเป็นราชินีของอียิปต์ เช่นเดียวกับพระนางฮัทเซปซุทแห่งอียิปต์ที่ก้าวขึ้นเป็น ฟาโรห์ ได้สำเร็จ

นางบูเช็คเทียน เป็นหญิงที่ประวัติศาสตร์จีนต้องจารึกไว้ ในความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ...มโหด อย่างผู้ชายอกสามศอกยังต้องถอย เพราะนางคือผู้ที่ก้าวขึ้นมาเป็นฮ่องเต้สตรีองค์แรกและองค์เดียวของจีน

นางเกิดมาในสมัยที่ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้าผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง ไม่มีสิทธิ์มีเสียงแต่บูเช็คเทียนกลับตาลปัตรมานำหน้า ทั้งยังหาความสำราญให้ตัวเองแบบที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าทำ ผู้คนก็เลยพูดถึงพระนางในแง่ลบ ว่าเป็นคนเลวร้ายมักมากในกามคุณมักใหญ่ใฝ่สูง อำมหิตโหดร้าย ฆ่าคนยังกับผักปลา แต่นางกลับปกครองแผ่นดินที่กว้างใหญ่และพลเมืองมากที่สุดในโลกได้อย่างไม่น่าเชื่อ

บูเช็คเทียนเกิดมาจากครอบครัวธรรมดา พ่อของนางเป็นพ่อค้าธรรมดาๆ ภายหลังรับราชการอยู่หัวเมืองรอบนอกส่วนมารดาก็เป็นหญิงสาวชาวบ้านธรรมดา นามเดิมก่อนที่นางจะได้เข้าไปอยู่ในพระราช สำนักคือ บูเหม่ยเหนียงแปลว่า โฉมงามเลอเสน่ห์ สมัยที่ยังเป็นเด็กมารดามักจับนางแต่งกายด้วยเสื้อผ้าของเด็กชายจนใครๆ ที่พบเห็นนึกว่าเป็นเด็กผู้ชาย มีเรื่องเล่าว่ามีโหรใหญ่คนหนึ่งชื่อหยวนเทียนกังมา เห็นเข้า นึกว่าหนูน้อยน่ารักคน นี้เป็นเด็กชายจึงออกปากทักว่า เด็กคนนี้ถ้าหากเป็นหญิงล่ะก็ ต่อไปจะได้เป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดินจีนเป็นแน่ ยิ่งกว่านั้นเมื่อเข้าวังไปแล้ว โหราศาสตร์แห่งราชสำนักยังพยากรณ์สำทับอีกว่า ต่อไปสตรีแซ่อู่จะมีอำนาจขึ้นล้มราชวงศ์ถัง

ด้วยอายุเพียง 14 ปี กิตติศัพท์ความงามของนางก็ลือลั้นไปทั่ว จนรู้ไปถึงพระกรรณพระเจ้าถังไทจง ฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์ถัง พระองค์จึงทรงมีดำรัสตรัสสั่งให้นำนางเข้าวังมาถวายตัวเป็นนางสนมในราชสำนักและด้วย ความงามกับเสน่ห์อันเย้ายวน นางจึงกลายเป็นสนมที่พระเจ้าถังไทจงรักและหลงเป็นยิ่งนัก

ขณะเดียวกันไทจือหรือราชโอรสที่เป็นรัชทายาทผู้มีนามว่า “ หลี่จื้อ “ ก็มีจิตปฏิพัทธ์ต่อบูเช็คเทียนด้วย ความสวยของบูเช็คเทียนจึงเปรียบเสมือนถนนราดยางอย่างดี นำพาตัวเองไปสู่ความโดดเด่นเหนือสนมกำนัลในทั้งปวง ว่ากันว่า

องค์ไทจือนั้นสนิทเสน่หาในตัวนางมากๆทั้งที่มีมเหสีอยู่แล้ว แต่ก็ไม่อาจทำอะไรนอกลู่นอกทางได้นอกจากเฝ้ารอคอยเวลาที่ จะได้ชื่นชมตัวนางเท่านั้น

แต่แล้วไทจือก็ไม่ต้องทรงรอนาน เมื่อพระเจ้าถังไทจงผู้เป็นพระราชบิดาสิ้นพระชนม์ลง พระองค์ได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าถังเกาจงฮ่องเต้สืบต่อราชบัลลังก์ ความสนิทเสน่หาในตัวบูเช็คเทียนที่ตรา อยู่ในดวงหทัยของพระองค์เพิ่มมากขึ้นเป็นเงา และเมื่อพิษสวาทกำเริบหนัก พระองค์ก็อาจหาญสึกบูเช็คเทียนซึ่งจำ ต้องโกนหัวเข้าวัดบวชตามโบราณราชประเพณี มาเป็นสนมเอกของพระองค์สมความปรารถนา

บูเช็คเทียนได้เข้าวังอีกครั้ง และรั้งตำแหน่งใหญ่กว่าเดิม นางเริ่มคิดกำเริบในใจว่าไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นข้าบาท

บริจาริกาเท่านั้น หากจะต้องยิ่งใหญ่กว่าใครในราชสำนักฝ่ายในและหนทางที่จำไปสู่อำนาจได้นั้นต้องอาศัยความแยบบลและรอบคอบ นางจึงใช้ความฉลาดวางหมากเดินแต้ม โดยเหยียบย่ำลงบนเลือดเนื้อและชีวิตของผู้คนมากมาย ไม่เว้นแม้แต่เลือดเนื้อเชื้อไข ลูกในไส้ของตนเอง !



ในตอนแรก บูเช็คเทียนค่อยๆ ดำเนินการตามเป้าหมายอย่างนิ่มนวล รวบอำนาจฝ่ายในไว้ในมือ โดยแผนการของนางนั้นเรียกได้ว่าต้องลงทุนมหาศาลและต้องใช้ความ...มโหดจนใครก็นึกไม่ถึง นั่นคือ นางลงทุนบีบคอธิดาน้อยองค์เดียวของตนเองจนตายคามือ และป้ายความผิดให้กับฮองเฮา ! มันเป็นหมาก ที่บูเช็คเทียนมอง ไว้ทะลุปรุโปร่งเกาจงฮ่องเต้เชื่อสนิท ทรงพิโรธโกรธเกรี้ยวและทรงสั่งถอดถอน พระนางออกจากตำแหน่งทันที ก่อนจะนำไป คุมขังไว้ในตำหนักเย็นอันเป็นเสมือนคุกดีๆ นี่เอง

บูเช็คเทียนคิดว่าคงจะพบทางสว่างที่จะได้ขึ้นตำแหน่งใหญ่แทนฮองเฮา แต่ก็ยังได้รับการคัดค้านจากขุนนาง

ผู้ใหญ่ นางแค้นใจแต่ก็ไม่ว่าอะไร ค่อยๆ กระเถิบก้าวไปข้างหน้าด้วยตัวเอง โดยการคบหาบัณฑิตจอหงวนรุ่น ใหม่เสมอทำให้รอบรู้กว้างขวาง มีสายตากว้างไกล

ความพยายามของนางในการขึ้นสู่ตำแหน่งสูงก็สัมฤทธิ์ผล เมื่อเสนาบดีฝ่ายกลาโหมให้ความสนับสนุนทำให้

พระเจ้าถังเกาจงสามารถแต่งตั้งนางขึ้นเป็นฮองเฮา โดยไม่หวั่นไหวต่อคำทัดทานของเสนาบดีคนใดอีกนับว่า ได้ก้าวขึ้นมาถึงจุดสุดยอดของอำนาจฝ่ายในอย่างที่นางต้องการได้สำเร็จ

แต่ว่าเส้นทางสู่อำนาจวาสนาของนางมิใช่จะสิ้นลงตรงนี้ หากทอดยาวไปถึงบัลลังก์ฮ่องเต้เลยทีเดียว พระเจ้าถังเกาจงฮ่องเต้พระสวามี แม้จะอยู่ในวัยหนุ่มแน่นแต่ทรงอ่อนแอประชวรจนพระวรกายซูบซีดลงเป็นลำดับ ไม่ช้าก็ทรงเห็นราชการเป็นงานหนัก เมื่อพระองค์ทรงท้อแท้พระนางบูเช็คเทียนจึงเข้ามากำกับราชการถวายอยู่หลังพระวิสูตร (ม่าน) ในขณะที่ประทับบัลลังก์มังกรว่าราชการในท้องพระโรง นางมีความรู้เรื่องในการปกครองไม่เหมือนผู้ชายจนมีความเห็นว่าน่าจะกระทำการคัดเลือกข้าราชการด้วยการสอบ แทนที่จะใช้ “ เส้น “ ฮ่องเต้ก็ทรงเห็นด้วย ต่อมาฐานของบูเช็คเทียนซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถสอบผ่านเข้ามาเป็นขุนนางได้ จึงทวีขึ้นอย่างรวดเร็ว

นางวางหมากไว้อย่างเป็นระบบ และนางก็กลายเป็นผู้มีอำนาจสามารถสั่งงานแทนฮ่องเต้หมดทุกเรื่อง ด้วย

เหตุผลนี่ฮ่องเต้ทรงเกรงในความเด็ดขาดของนางที่สามารถว่าราชการแทนพระองค์และประสบความสำเร็จทุกครั้ง

ในเวลาต่อมาไม่ว่าบูเช็คเทียนจะสั่งอะไรก็ไม่มีใครกล้าไปขัดขวาง ไม่อย่างนั้นจะมีชีวิตอยู่ในโลกได้ไม่นาน ขุนนางที่กระด้างกระเดื่องล้มตายลงไปมาก เพราะคำสั่งของพระนางไม่ว่าทาง ตรงหรือทางอ้อม หนึ่งในจำนวนคนที่ต้องตายเพราะขวางหูขวางตาฮองเฮานี้ยังรวมไปถึงพี่น้องของนางเองด้วย สาเหตุเพราะพี่สาวของนางบังอาจเข้ามาเป็นสนมอีกคนหนึ่งของฮ่องเต้ ซึ่งบูเช็คเทียนถือว่าเป็นการทรยศอย่างที่ให้อภัยไม่ได้ พี่สาวผู้นั้นมีความสุขกับฮ่องเต้ได้ไม่นานก็ต้องตายกระทันหันด้วยสาเหตุอาหารเป็นพิษ ทั้งฮ่องเต้และทุกคนในวังรู้ดีว่าเป็นฝีมือ ของบูเช็คเทียนแต่ก็ไม่มีใครทำอะไรได้ ยิ่งไปกว่านั้นพระนางยังมีอำนาจในมืออย่างเต็มที่ พระนางเริ่มกำจัดขุนนางตงฉินหลายคน ทรงวางยาเจ้าชายรัชทายาทอีกด้วย

บ้านเมืองเริ่มไม่สงบสุข โดยเฉพาะซิกังบุตรของซิเตงซันผู้เคยมีบทบาทในราชสำนักอย่างมาก มีความเคียดแค้นการกระทำของพระนางจนก่อการกระด้างกระเดื่อง พระนางรับสั่งให้จับตัวมาประหารทันที พระเจ้าถังเกาจงก็ช่วยอะไรไม่ได้ในที่สุดพระเจ้าถังเกาจงฮ่องเต้ก็สิ้นพระชนม์ ราชโอรสของพระเจ้าถังเกาจง ผู้เป็นไทจือขึ้นครองราชบัลลังก์มังกรต่อ ทรงพระนามว่า “ พระเจ้าถังจงจงฮ่องเต้ “ บูเช็คเทียนเปลี่ยนฐานะจากมเหสี-ฮองเฮา เป็นพระราชชนนีฮองไทเฮา แต่ก็ทรงอำนาจเหมือนเดิม ไม่ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่จะทำอะไร เป็นต้องได้รับความเห็นชอบ จากฮองไทเฮาก่อนเสมอ

หนทางอำนาจนั้นย่อมโรยด้วยขวากหนามเป็นธรรมดา พระนางต้องผจญกับการต่อต้านจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมากมาย แต่พระนางก็ปราบได้ด้วยความเข้มแข็ง ต่อมาพระนางก็ได้ลงมือโค่นอำนาจฮ่องเต้ซึ่งเป็นโอรสของพระนาง เองแล้วสถาปนาขึ้นเป็นฮ่องเต้สตรีคนแรก (องค์เดียว) ของจีน เปลี่ยนราชวงศ์ใหม่เป็นราชวงศ์โจว ปีนั้นพระนางอายุถึง 64 ชันษาแล้ว

บุคคลิกที่ขัดแย้งของพระนางบูเช็คเทียนนอกจากความ...มหาญไม่แพ้ชายแล้ว อีกด้านหนึ่งนางกลับเป็นคน ที่มีความละเอียดอ่อนละเมียดละไมมากพอที่จะเขียนกลอนได้อย่างไพเราะ พระนางแต่งกวีได้หลายบทตั้งแต่สถาปนาตัวเองเป็นฮ่องเต้ มีทั้งบทความรัฐศาสตร์ ปรัชญาโอวาท

พระนางยังเป็นคนที่คิดวิธีเร่งดอกไม้บานได้ มีเรื่องเล่าว่าพระนางดำรัสสั่ง ให้นางกำนัลออกไปบังคับดอกไม้ให้บาน วันรุ่งขึ้นดอกไม้ก็บาน ด้วยวิธีที่ง่ายนิดเดียวคือ ต้มน้ำร้อนให้เดือด แล้วนำไปตั้งไว้ในราชอุทยานทุกหนทุกแห่ง

ไอน้ำเป็นตัวช่วยเร่งให้ดอกไม้แย้มกลีบบานได้ทุกดอก ถือเป็นความเฉลียวฉลาดของพระนางที่ยากจะหาใครมาเทียบรัศมีได้

เรื่องราวของฮ่องเต้สตรีคนนี้ตื่นเต้นกว่านิยายเสียอีก นอกเหนือจากความ...มโหดผิด ผู้หญิงของพระนางแล้วต้องถือว่าพระนางสมควรจะได้รับการยกย่อง ว่าเป็นหญิง ที่สามารถที่บริหารบ้านเมืองได้ในทุกๆ ทางไม่เว้นแม้แต่ด้านศึกสงคราม ในบั้นปลายชีวิตของพระนางบูเช็คเทียนทรงพระชันษายืนยาวถึง 80 ปี แต่ก็ยังไม่ยอมมอบอำนาจให้ใคร จนโอรสองค์ที่เคยเป็นฮ่องเต้ถังจงจงต้องกราบทูลขอบัลลังก์คืนโดยมีเสนาบดีสนับสนุน บูเช็คเทียนจึงทรงคืนบัลลังก์ให้แล้ว เสด็จไปประทับนอกเมืองก่อนจะสิ้นพระชนม์ลงด้วยโรคชราเมื่อพระชนม์มายุ 81 ปี

ปัจจุบันสุสานของพระนางนับเป็นสุสานที่สวยงามมาก ตั้งอยู่เคียงคู่กับที่ฝังพระศพของถังเกาจงฮ่องเต้ ซึ่งพระนางได้สั่งให้จารึกแผ่นศิลาสรรเสริญเกียรติคุณไว้ด้านหน้า แต่แปลกที่แผ่นศิลาของพระนางกลับ ว่างเปล่าเพราะพระนางสั่งไว้ว่าไม่ต้องการให้จารึกอะไรไว้ทั้งสิ้น


เป็นฮ่องเต้หญิงที่ถึงแม้จะโหดร้าย แต่บ้านเมืองยุคพระนางก็สงบสุข และมั่งคั่ง รุ่งเรือง


สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 05, 2012, 10:53:25 PM โดย tanay2507 » บันทึกการเข้า
tanay2507
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 5543
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1931
สมาชิก ID: 27


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 35 : Exp 73%
HP: 0%


เว็บไซต์
« ตอบ #21 เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2012, 09:58:35 PM »



19. ช่างกวนหว่านเอ๋อ สตรีทรงอำนาจแห่งราชวงศ์ถัง

ซ่างกวนหว่านเอ๋อร์เป็นหลานปู่ของซ่างกวนอี๋ มหากวีสมัยต้นราชวงศ์ถัง
ถูกประหารด้วยข้อหาลอบวางแผนก่อกบฏ เนื่องจากเป็นปฏิปักษ์กับจักรพรรดินีบูเช็กเทียน
บุตรชายของซ่างกวนอี๋ซึ่งเป็นบิดาของซ่างกวนหว่านเอ๋อร์ก็ถูกประหารด้วย
แต่นางไม่เพียงไม่ต้องโทษฐานพัวพัน
ซ้ำยังได้รับตำแหน่งสำคัญในราชสำนักของพระนางบูเช็กเทียนอีกด้วย
ทั้งนี้เพราะซ่างกวนหว่านเอ๋อร์ฉลาดหลักแหลม
แม้อายุยังน้อยแต่มีความสามารถในการปกครอง รู้จักวิเคราะห์คนจากการพูดจา

พระนางบูเช็กเทียนทรงโปรดนางเพราะทรงเห็นว่า
ซ่างกวนหว่านเอ๋อร์มีส่วนคล้ายตนเองในวัยเยาว์
จึงทรงเรียกตัวเข้าวังรับตำแหน่งเจี๋ยอี๋ว์
นัยหนึ่งคือให้เป็นคนร่างประกาศราชโองการ
อีกนัยหนึ่งคือเพื่อจับตาดูพฤติการณ์ของนางว่าจะคิดทรยศหรือไม่
ซ่างกวนหว่านเอ๋อร์กลับไม่เคยคิดการใหญ่ ยังคงเชื่อฟังและทำงานอย่างเคร่งครัด
ดังนั้น นางจึงเจริญก้าวหน้าในหน้าที่ราชการตลอดมา
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
tanay2507
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 5543
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1931
สมาชิก ID: 27


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 35 : Exp 73%
HP: 0%


เว็บไซต์
« ตอบ #22 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2012, 09:11:52 PM »


20. องค์หญิงไท่ผิง เชื้อไม่ทิ้งแถว

องค์หญิงไท่ผิงเป็นพระราชธิดาของจักรพรรดินีบูเช็กเทียนและพระเจ้าถังเกาจง
พระนางเป็นพระขนิษฐาของพระเจ้าถังจงจงและจักรพรรดิถังรุ่ยจง
ด้วยความเป็นลูกของนางเสือ
ความทะเยอทะยานในอำนาจขององค์หญิงไท่ผิงจึงไม่ด้อยกว่าพี่น้องเลย...
หลังสิ้นพระเชษฐา องค์หญิงทรงมีส่วนสนับสนุนหลี่หลงจี
ผู้มีศักดิ์เป็นพระนัดดาให้ทำรัฐประหาร ชิงบัลลังก์จากเว่ยไทเฮา
แต่แล้วทั้งสองกลับแตกคอกัน เป็นเหตุให้องค์หญิงอายุไม่ยืน
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
tanay2507
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 5543
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1931
สมาชิก ID: 27


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 35 : Exp 73%
HP: 0%


เว็บไซต์
« ตอบ #23 เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2012, 10:24:41 PM »



21. เจ้าหญิงหย่งไท่ พระนัดดาพระนางบูเช็คเทียน

ก็พยายามหาประวัติ อยู่นาน ก็หาไม่ได้ซักที แต่มีร่องรอยทางประวัติศาสตร์ว่า เจ้าหญิงหย่งไท่ เป็นพระนัดดาของพระนางบูเช็คเทียน

และร่องรอยทางประศาสตร์นั้น พบมาจากสุสานของเจ้าหญิงนั่นเอง
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
tanay2507
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 5543
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1931
สมาชิก ID: 27


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 35 : Exp 73%
HP: 0%


เว็บไซต์
« ตอบ #24 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2012, 12:04:53 AM »



22. เจ้าหญิงเหวินเฉิง เจ้าสาวการเมืองในแผ่นดินธิเบต

"เจ้าหญิงเหวินเฉิง" เป็นพระราชธิดาบุญธรรมของพระเจ้าถังไท่จง
รัชศกเจินกวน ปีที่สิบสี่ในรัชกาลพระเจ้าถังไท่จง
นางก็เป็นเจ้าสาวการเมืองที่ถูกส่งไปอภิเษกกับพระเจ้าซองสันกัมโป
ราชาเผ่าถู่ฟาน ณ แดนเสียดฟ้าอาณาจักรธิเบต
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
tanay2507
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 5543
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1931
สมาชิก ID: 27


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 35 : Exp 73%
HP: 0%


เว็บไซต์
« ตอบ #25 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2012, 11:08:09 PM »



23. เจ้าหญิงจินเฉิง เจ้าสาวการเมืองในแผ่นดินธิเบต

ปกติแล้ว 2 เจ้าหญิงนี้ ไม่ได้เป็นเจ้าหญิงแต่แรก  แต่เป็นนางกำนัล ที่ถูกคัดเลือกเข้ามาในวังเพื่อให้ฮ่องเต้ได้คัดเลือกตัว

มีมากที่ไม่ผ่านการคัดเลือกตัว ก็มักจะทำงานเงียบๆ อยู่ในวัง ครั้นชนเผ่านอกกำแพงใหญ่ มาเจริญสัมพันธไมตรี ด้วยการ

สู่ขอเชื่อพระวงศ์เพื่อไปแต่งงาน ฮ่องเต้มักจะไม่ส่งลูกหลานของตนจริงไปเพื่อการแต่งงานการเมือง  แต่จะใช้วิธีถามความสมัครใจ

ของพวกนางกำนัล  พอมีคนอาสาเพื่อแต่งงานการเมืองขึ้นมา ก็จะได้รับการยกฐานะให้เป็นลูกบุญธรรม หรือเป็นเจ้าหญิงนั่นเอง
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
tanay2507
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 5543
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1931
สมาชิก ID: 27


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 35 : Exp 73%
HP: 0%


เว็บไซต์
« ตอบ #26 เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2012, 12:03:23 AM »


24. เหมยเฟย พระสนมผู้สันโดษ
"เหมยเฟย" แซ่เจียง ชื่อไฉ้ผิน เรียกกันอีกชื่อว่า เจียงเฟย
บิดาของนางเป็นหมอที่สนิทกับขันทีเกาลี่ซื่อผู้มีอิทธิพลในราชสำนัก
เจียงไฉ้ผินจึงได้รับการคัดเลือกเข้าวังและเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าถังเสวียนจง
นางชอบดอกเหมยและปลูกเหมยไว้ในวังจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังสร้างเก๋งดอกเหมยไว้สำหรับนั่งชมดอกไม้
พระเจ้าถังเสวียนจงจึงพระราชทานนามใหม่ให้ว่า “เหมยเฟย” (พระเทวีดอกเหมย)

เหมยเฟยงดงามอ่อนหวาน เป็นคนไม่ชอบชิงดีชิงเด่นกับผู้ใด
เหล่านางสนมกำนัลล้วนรักใคร่ชอบพอ จนกระทั่งหยางกุ้ยเฟยเข้ามาสู่ราชสำนัก
พระเจ้าถังเสวียนจงทรงลุ่มหลงหยางกุ้ยเฟยนัก ถึงกับทรงลืมเลือนเหมยเฟย

นางถูกย้ายไปอยู่ตำหนักซั่งหยาง
ผ่านวันเวลาอันเงียบเหงาด้วยการแต่งกลอน อ่านบทกวี เขียนพู่กันและวาดภาพ
พระเจ้าถังเสวียนจงเคยพระราชทานอัญมณี แต่นางกลับถวายคืน

รัชศกเทียนเป่าที่ ๑๔ อันลู่ซานก่อกบฏ
พระเจ้าถังเสวียนจงทรงเสด็จลี้ภัยไปเสฉวน
พาหยางกุ้ยเฟยตามเสด็จไปด้วย ส่วนเหมยเฟยถูกทิ้งไว้ในวัง
หยางฟุ้ยเฟยถูกบีบคั้นให้ฆ่าตัวตายที่เนินหม่าเวยปอ
แต่ไม่มีผู้ใดทราบชะตากรรมของเหมยเฟย
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
tanay2507
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 5543
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1931
สมาชิก ID: 27


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 35 : Exp 73%
HP: 0%


เว็บไซต์
« ตอบ #27 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2012, 11:59:31 PM »



25. หยางกุ้ยเฟย งามล่มเมือง งามจนแผ่นดินลุกเป็นไฟ

         หยางกุ้ยเฟย (อังกฤษ: Yang Guifei ; จีน: 楊貴妃) พระนามเดิมคือ หยางอี้หวน (อังกฤษ: Yang Yuhuan ; จีน: 楊玉環) เกิด 1 มิถุนายน ค.ศ. 719 เป็นหนึ่งในสี่หญิงงามแห่งแผ่นดินจีนกล่าวกันว่า หยางกุ้ยเฟยทรงเป็นสตรีที่มีความงามเป็นเลิศ ใช้ชนม์ชีพในรัชสมัยราชวงศ์ถัง ได้รับฉายานามว่า "มวลผกาละอายนาง" (จีน: 羞花; พินอิน: xiū huā) ซึ่งหมายถึง "ความงามที่ทำให้แม้แต่มวลหมู่ดอกไม้ยังต้องละอาย" (a face that would make all flowers feel shameful)


     นางมีชื่อเดิมว่า หยางอวี้หวน (อังกฤษ: Yang Yuhuan จีน: 楊玉環) เป็นชาวเมืองหย่งเล่อ "อวี้หวน" แปลว่า "ตุ้มหูหยก" นางเป็นธิดาของ "หยางหยวนเหยียน" ตอนที่นางจะเกิดนั้น มารดาของนางได้ฝันเห็นสายรุ้งพาดโค้งจากฟากฟ้าลงมาที่เตียงนอน พร้อมส่งแสงประกายระยิบระยับงดงาม แต่เพียงชั่วครู่เดียวก็หายวับไป กลายเป็นดาวตกพุ่งตกลงมาสู่พื้น มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

อวี้หวน เมื่อเจริญวัยขึ้น มีรูปโฉมที่งดงามและเปล่งปลั่งชวนมองยิ่งนัก อีกทั้งยังมีผิวกายที่มีกลิ่นหอมจรุงใจ เป็นที่เลื่องลือไปทั่วทั้งหมู่บ้าน และตำบลที่นางอาศัยอยู่ นางมีความสามารถทางดนตรี ขับร้องและฟ้อนรำ
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
tanay2507
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 5543
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1931
สมาชิก ID: 27


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 35 : Exp 73%
HP: 0%


เว็บไซต์
« ตอบ #28 เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2012, 12:00:12 AM »




  ในปีที่ ๒๕ ของรัชสมัยจักรพรรดิถังเสวียนจง (唐玄宗) พระองค์ทรงดำริที่จะหาพระชายาให้พระโอรสโซ่วอ๋อง (寿王) โอรสองค์ที่ ๑๘ อาของอวี้หวนทราบข่าวจึงนำนางเข้าไปถวาย และก็ไม่ผิดหวัง


ต่อมา อู่กุ้ยเฟย พระสนมที่จักรพรรดิถังเสวียนจง ทรงโปรดปรานได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน พระองค์ยังทรงหาพระชายาใหม่ที่ถูกพระทัยไม่ได้ ขันทีเกาลี่ซื่อผู้ใกล้ชิดจึงทูลเสนอว่า หญิงงามที่สุดในแผ่นดินไม่มีใครงามเกินหยางอวี้หวน พระชายาของโซ่วอ๋อง

แล้วเกาลี่ซื่อได้ออกอุบายให้พระองค์ได้ทอดพระเนตรนาง เพียงแรกประสบพบเท่านั้น พระองค์ก็ถึงกับลุ่มหลงในความงามของนางโดยทันที แต่เนื่องจากติดขัดที่นางเป็นชายาของโซ่วอ๋อง



เกาลี่ซื่อจึงบอกอุบายอันแยบยล ให้พระองค์แต่งตั้งนางเป็นนักพรตหญิงฉายาไท่เจิน แล้วหาพระชายาใหม่ให้โซ่วอ๋องแทน

สมัยเทียนเป่าปีที่สี่ (พ.ศ.๑๒๘๘) อวี้หวนได้เข้าวัง และเป็นที่โปรดปรานของถังเสวียนจง จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสนมเอกหรือกุ้ยเฟย (ขณะนั้นจักรพรรดิถังเสวียนจงมีพระชนมายุ ๖๑ พรรษา ส่วนหยางกุ้ยเฟยมีอายุเพียง ๒๗ ปีเท่านั้น)
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
tanay2507
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 5543
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1931
สมาชิก ID: 27


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 35 : Exp 73%
HP: 0%


เว็บไซต์
« ตอบ #29 เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2012, 12:01:02 AM »



 พ่อ พี่น้องแลเครือญาติของนางทั้งหมดได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นขุนนาง และฮูหยินทั้งหมด จนเป็นที่โจษจันกันไปทั่วว่า เพราะมีลูกสาวดี จึงได้ดิบได้ดีกันถ้วนหน้า

ทุกครั้งที่นางจะนั่งรถม้า ต่างก็มีบรรดาขุนนางใหญ่บังคับรถม้าให้ด้วยตัวเอง นางมีช่างถักทอและปักผ้าถึงเจ็ดร้อยคน มีผู้คนมากมายแย่งกันมอบของกำนัลต่างๆ ให้ เนื่องจากขุนนางจางจิ่วจางและหวังอี้มอบของกำนัลให้นางจึงได้เลื่อนตำแหน่ง ดังนั้นบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างก็หวังที่จะได้รับผลตอบแทนเช่นเดียวกัน




หยางกุ้ยเฟยโปรดปรานลิ้นจี่จากแดนหลิ่งหนาน ก็มีผู้คนคิดหาวิธีที่จะนำมาส่งมาถึงเมืองฉางอานให้เร็วที่สุด

ความที่จักรพรรดิ์ถังเสวียนจง ทรงลุ่มหลงอยู่แต่นาง และเล่นดนตรี จนละเลยการปกครองว่าราชการเมือง ทำให้หยางกั๋วจง (杨国忠-YANG KGUOA ZHONG) พี่ชาย (ลูกพี่ลูกน้อง) ของนางได้รวบอำนาจการปกครองไว้ถึง ๔๐ ตำแหน่ง จนมีตำแหน่งเทียบเท่าสมุหนายก กินสินบนอย่างเปิดเผย ใช้ระบบอุปถัมภ์ในการคัดเลือกคนเข้ารับราชการหรือเลื่อนตำแหน่ง ทำให้เกิดความเดือดร้อนไปทั่ว
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4
 
 
กระโดดไป:  






Saisampan.net
สายสัมพันธ์ - เพลงลูกทุ่งเก่า (เก่ากว่าที่ท่านคิด)
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!