กากีเป็นเรื่องเล่าที่มีที่มาจาก "กากาติชาดก" ในนิบาตชาดก ต่อมาเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ (เจ้าฟ้ากุ้ง) ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายได้แต่งเป็นกาพย์ห่อโคลง ในสมัยรัชกาลที่ ๑ เจ้าพระยาพระคลัง (หน) แต่งเรื่องกากีคำกลอนประกอบการขับร้องมโหรี ต่อมาท่านสุนทรภู่แต่งเรื่องกากีในรูปแบบบทเห่กล่อม ในบรรดาบทนิพนธ์ทั้งหมด บทมโหรีเรื่องกากี หรืออีกชื่อหนึ่งคือ "กากีคำกลอน" นับว่ามีชื่อเสียงมากที่สุด
กากีเป็นมเหสีของท้าวพรหมทัตแห่งกรุงพาราณสี นางเป็นสาวสวยและมีกลิ่นกายหอมดุจกลิ่นดอกมณฑา ถ้าหากชายใดถูกต้องผิวนางกลิ่นกายนางก็จะติดตัวชายนั้นไปนานถึงเจ็ดวัน ขณะที่ท้าวพรหมทัตทรงเฒ่าชะแรแก่ชราลงมากแล้ว จึงเข้าลักษณะคนแก่มีเมียสาว
ทุก ๗ วัน ท้าวพรหมทัตจะเล่นสกากับมาณพรูปงาม (ซึ่งก็คือพญาครุฑเวนไตย แปลงกายเข้าเมืองมาเล่นสกากับท้าวพรหมทัต โดยท้าวพรหมทัตไม่รู้ว่าเป็นพญาครุฑ) ในระหว่างเล่นสกากันก็มีคนธรรพ์ชื่อ "นาฏกุเวร" คอยเล่นดนตรีขับกล่อมไปด้วย
วันหนึ่งกากีได้แอบเห็นมาณพรูปงาม มาณพรูปงามซึ่งก็คือพญาครุฑเวนไตยก็ได้เห็นกากี เกิดปิ๊งกัน พญาครุฑจึงเลิกเล่นสกาบินขึ้นสู่ท้องฟ้า แผลงฤทธิ์ทำให้เกิดลมพายุปกคลุมทั่วเมืองพาราณสี ในขณะที่โกลาหลอลหม่าน ก็บินโฉบกากีพาไปวิมานฉิมพลีซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาไกรลาส กากีจึงตกเป็นภรรยาของพญาครุฑ
ฝ่ายท้าวพรหมทัตโศกเศร้าพระทัยจากการหายตัวไปของกากี จึงปรึกษากับนาฏกุเวรเพื่อหาหนทางตามหา นาฏกุเวรมีความสงสัยมาณพรูปงามผู้ซึ่งมาเข้าเล่นสกาเป็นประจำว่าน่าจะเป็นต้นเหตุ ต่อมาอีก ๗ วันให้หลัง พญาครุฑเวนไตยก็แปลงร่างเป็นมาณพรูปงามลงมาจากวิมานฉิมพลีเพื่อเล่นสกากับพระราชาตามปกติ นาฏกุเวรจึงแปลงร่างเป็นตัวไร กระโดดขึ้นไปเกาะขนของมาณพรูปงาม เมื่อมาณพกลายเป็นครุฑบินกลับฉิมพลีจึงมีตัวไรนาฎกุเวรติดไปด้วย นาฎกุเวรจึงแอบดูครุฑกับกากีอยู่ตลอดคืน
ตอนกลางวันเมื่อพญาครุฑไม่อยู่ นาฏกุเวรก็เปิดเผยตนเองต่อกากีและเกี้ยวพาราสีกากีจนกระทั่งกากีตกเป็นภรรยาของนาฏกุเวร
นับแต่นั้นเป็นเวลา ๗ วัน นาฏกุเวรก็กลายเป็นภัสดาภาคกลางวันของกากี ส่วนเวลากลางคืนเป็นหน้าที่ของพญาครุฑเวนไตย
เมื่อถึงเวลาเล่นสกาตามปกติ พญาครุฑก็บินไปยังเมืองพาราณสีพร้อมกับตัวไรนาฏกุเวรซ่อนติดตัวมาด้วย นาฏกุเวรได้ร้องเพลงเปิดเผยความสัมพันธ์ลับกับนางกากีที่ตนมีในเวลาที่พญาครุฑไม่อยู่
"คนธรรพ์ครั้นเห็นกรุงกษัตริย์ แจ้งรหัสชายเนตรดั่งบรรหาร
น้อมเศียรรับรสพจมาน จับพิณดีดประสานสำเนียงครวญ
แกล้งประดิษฐ์คิดขับเป็นกาพย์กลอน กระแสเสียงลอยร่อนแล้วโหยหวน
โอ้พระพายชายกลิ่นมารัญจวน หอมหวนนาสาเหมือนกากี
รื่นรื่นชื่นกลิ่นพี่จำได้ เหมือนเมื่อไปร่วมภิรมย์สมศรี
ในสถานพิมานฉิมพลี กลิ่นยังซาบทรวงพี่ไม่เว้นวาย
นิจจาเอ๋ยจากเชยมาเจ็ดวัน กลิ่นสุคันธรสรื่นก็เหือดหาย
ฤๅว่าใครแนบน้องประคองกาย กลิ่นสายสวาทซาบอุรามา"พญาครุฑสงสัยมากเมื่อกลับมาถึงวิมานฉิมพลี จึงบังคับให้กากีพูดความจริง แต่กากียืนกรานในความบริสุทธิ์ของตน พญาครุฑโกรธจัดจึงนำกากีลงจากวิมานมาวางไว้ที่พระลานหน้าวังท้าวพรหมทัต ท้าวพรหมทัตได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นจากนาฏกุเวรแล้วจึงรับสั่งให้นำกากีไปลอยแพเพื่อไปให้พ้นจากเมืองพาราณสี แพลอยตามแม่น้ำคงคาและลอยออกทะเลในที่สุด
กากีถูกลอยแพอยู่ในทะเลเป็นเวลานาน จึงได้พบเรือสำเภาค้าขาย เจ้าของเรือก็นำกากีขึ้นเรือ กากีจึงได้เป็นภรรยานายเรือสำเภา
เมื่อขึ้นฝั่ง นายเรือสำเภานำกากีไปชมบ้านชมเมืองจนเย็นค่ำ บังเอิญไปพบนายโจรป่า นายโจรนึกรักกากีและอยากได้นางเป็นภรรยา จึงใช้คาถาอาคมสะกดให้ทั้งหลับแล้วพากากีไปยังซ่องโจร กากีจึงตกเป็นภรรยาของนายโจร ความงามของนางกากีทำให้พวกสมุนโจรพากันก่อกบฏหัวหน้าโจรเพื่อแย่งกากี เมื่อสังหารนายโจรแล้วก็ฆ่ากันเองเพื่อแย่งครอบครองกากี
กากีหนีเข้าไปในป่าเอาชีวิตรอด จนมาพบท้าวทศวงศ์กษัตริย์อาวุโสผู้ตกพุ่มม่ายเพราะมเหสีตาย กากีจึงกลายเป็นมเหสีองค์ใหม่ของท้าวทศวงศ์แห่งเมืองไพศาลี
เมื่อพระเจ้าพรหมทัตสวรรคต เมืองพาราณสีไม่มีรัชทายาทสืบทอดบัลลังก์ คนธรรพ์นาฏกุเวรได้รับเลือกให้เป็นพระราชาองค์ใหม่ของเมืองพาราณสี พระองค์ก็ไม่อาจลืมกากีได้ จึงให้สืบข่าวคราวของกากี พอได้ทราบข่าวว่ากากีกลายเป็นพระราชินีของเมืองไพศาลี นาฏกุเวรจึงทูลขอกากีจากท้าวทศวงศ์ ท้าวทศวงศ์ไม่ยอม จึงทำสงครามกัน ท้าวทศวงศ์พ่ายแพ้ กากีจึงกลับพาราณสีได้เป็นพระราชินีของนาฏกุเวรนับแต่นั้นมา