บันทึกเสียงเพลงแรก ของนักร้อง มาช่วยกันรวบรวมจ้า

[Tender]

เพลงแรกของนริศ อารีย์

ชั่วนิจนิรันดร
ทน./คร. พยงค์ มุกดา
..ฉัน รัก เธอ แม้เทียบเสมอ กับดวงชีวิต
รัก เธอ ชั่ว นิจ นิรัน-ดร
แม้ เธอห่างไกล ใจก็หวง ห่วง นิวรณ์
ถึง แม้ ม้วย มรณ์ ไม่ ถอน รักที่มี
รัก ฉัน มั่น เหมือนดังตะวัน มั่นรักฟากฟ้า
รัก ดัง หมู่ ปลา รักวา-รี
เหมือน ดังกับแหวน แสนจะรัก แก้ว มณี
เหมือน ขุน คี รี สวาทพื้น ดินเดียวกัน
มาก มาย ราวกับห้วง มหรร-ณพ
มิรู้จบ ดังกับมี ทำนบ กั้น
แต่มั่นคง เหมือน ดั่งสิงขร ซ้อน แผ่นดินนั้น
ทั้ง ความซื่อสัตย์ มัด ใจคงมั่น ดั่ง
ตะวันซื่อต่อฟ้า
ฉัน รัก เธอ แท้จริงเสมอ ไม่ลวงให้หลง
รัก ฉัน มั่น คง ดังวาจา
เห็น ใจเถิดหนอ ขอมอบไว้ ให้ สัญญา
ฉัน จะ บู ชา ชั่ว นิจ นิรัน-ดร
ชั่ว นิจ นิรัน-ดร ชั่ว นิจ นิรัน-ดร

[หมื่นกระบี่ไร้พ่าย]

เพลงที่ครูเอื้อบันทึกเสียงเพลงแรกไม่ใช่เพลงในฝันแน่นอนครับ และไม่ใช่เพลงนาถนารีด้วย เพลงที่ครูเอื้อบันทึกเสียงครั้งแรกจำได้ว่าชื่อคล้ายกับเพลงที่ครูสมยศบันทึกเสียงครั้งแรก ชื่อเพลง"รักแรก" หรือเปล่าไม่แน่ใจ บันทึกเสียงราวๆปี 2475 ส่วนเพลง"นาถนารี" บันทึกเสียงราวๆปี 2476-2477 และเพลง"ในฝัน"(จากภาพยนตร์เรื่อง"ถ่านไฟเก่า" ปี 2480)บันทึกเสียงปี 2479

[Tender]

หลังจากสลับฉากเป็นระยะๆด้วยการนำเสนอและอภิปรายของบรรดาท่านผู้รู้ (ซึ่งดีเหลือเกิน) ก็นำเสนอเพลงแรกต่อไป คราวนี้ของคุณวินัย จุลละบุษปะ

ทาสน้ำเงิน
ทำนอง เวส สุนทรจามร
คำร้อง เอิบ ประไพเพลงผสม


รำพึงครวญคิดชีวิตเรา
มีความโศกเศร้าหมองหม่น
เพราะเนื่องด้วยความยากจน
ต้องจำทนทุกข์เวทนาอาวรณ์

ระอาชีวิตยิ่งคิดไป
ไม่มีอะไรที่แน่นอน
มองดูโลกเหมือนละคร
ช่างหลอกหลอนคิดไปอ่อนใจระอา

เราจึงเป็นทาสน้ำเงิน
ดำเนินชีวิตเหนื่อยยากหนักหนา
ดำรงชีวิตเรื่อยมา
ปล่อยตามแต่ยถากรรม

มองไปทางไหนก็ใช้เงิน
ไม่มีเพลิดเพลินสดชื่นฉ่ำ
น้ำตาอาบนองหมองคล้ำ
ต้องระกำเพราะเราขัดสนจนจริง
.................................

มีประวัติว่า เพลงนี้ขับร้องที่โรงภาพยนต์โอเดียน ปกตินักร้องมักรูปหล่อเป็นของคู่กัน แต่คุณวินัยไม่หล่อเลย ทว่าเมื่อขับร้อง คนเงียบกริบ เพลงแรกก็รุ่งครับ
ความจริง เพลงที่บันทึกแผ่นเสียงของคุณวินัยไม่ใช่เพลงนี้ อีกเพลงหนึ่งก่อนหน้า แต่ก็ไม่ปรากฎหลักฐาน มีกล่าวถึงในหนังสือประวัติชีวิตของคุณวินัย ในที่นี้assume ว่าเป็นเพลงทาสน้ำเงินก็แล้วกัน

เคยฟังชาญ เย็นแขและบุญช่วย หิรัญสุนทรขับร้องเพลงนี้ด้วย

[daorueng]

เพลงแรกที่บันทึึกเสียงของ สุุเทพ วงศ์กำแหง ไม่ใช่เพลง "อยู่เพื่อคอยเธอ" เพลงแรกในชีีวิตชื่อ ""แก้วกัญญา"
ผมค้นมาจากหนังสือที่ครูสุุเทพ วงศ์กำแหง เป็นผู้เขียนเอง......


เพลงแรกในชีวิตของ สุเทพ วงศ์กำแหง
ที่ได้บันทึกแผ่นเสียง

ในชีวประวัติของ ครูสุเทพ วงศ์กำแหง หลายๆแห่งที่บันทึกไว้ ไม่ค่อยตรงกันในเรื่องเพลงแรกของ ครูสุเทพ (ศิลปินแห่งชาติ ปี ๒๕๓๓) ผมจึงได้ไปค้นหาในเรื่องนี้จนได้ไปพบกับข้อเขียนของ ครูสุเทพ วงศ์กำแหง นั่นเอง ในหนังสือ...“คอนเสิร์ต เชิดชูครูเพลง ครั้งที่ ๑ สมาน กาญจนะผลิน”

ครูสุเทพ ได้เขียนเรื่องราวแห่งความหลังที่ได้รู้จักกับ “ครูสมาน” ในหนังสือเล่มนั้น ซึ่งผมขอพิมพ์คัดลอกข้อความของครูสุเทพทั้งหมดโดยมิได้ตัดทอนเพิ่มเติมข้อความใดๆมาไว้ ณ ที่นี้


“ครูสมานของผม”
โดย...สุเทพ วงศ์กำแหง

        “แจ๋ว...หาเพลงให้เทพมันร้องซักคนละสองเพลงดีไหม?”
   พี่หมานหรือครูสมาน กาญจนะผลิน เอ่ยกับ สง่า อารัมภีร เชิงหารือและบังคับกลายๆ ภายในห้องอัดเสียงของบริษัทกมลสุโกศล ชั้นสามของโรงภาพยนตร์เฉลิมไทย  บ่ายวันหนึ่งแห่งพุทธศักราชสองพันสี่ร้อยเก้าสิบห้า
   “เอาซิ” พี่แจ๋วทำตาปริบๆ พร้อมกับทำจมูกบานๆสองสามครั้ง “ดีเหมือนกัน ให้เขาร้องซักสองเพลงก็แล้วกัน”
   เพลงที่ครูสมานบอกให้ผมไปต่อเอาไว้ให้ได้ก่อนไปทำการบันทึกเสียงจริงๆคือเพลง “แก้วกัญญา” และ “นาฏกรรมชีวิต”
   “แก้วกัญญา” เป็นเพลงที่ครูสมานนำทำนองเพลงไทยเดิมมาดัดแปลง แล้วให้คุณ อ.ประไพเพลงผสม ใส่คำร้อง (เพลงนี้ครูไศล ไกรเลิศ เล่าให้ฟังทีหลังว่า เป็นชื่อของม้าตัวหนึ่งที่แฟนๆอาชารักและนิยมแทงกันมาก)
   ส่วน “นาฏกรรมชีวิต” เป็นทำนองเพลงจีนสากล ครูสมานนำทำนองมาให้ ศักดิ์พิสิษฐ์ พิจิตรวรการ ใส่เนื้อร้องให้ เป็นคำรำพันของชายอาภัพผู้ยากจนผู้หนึ่ง
   เช้าวันนั้น...วันที่ผมไปนั่งคอยครูสมานที่บ้านของท่านข้างวัดเทพธิดา ทุกคนสาละวนทำกิจของตนอย่างขะมักเขม้น ลูกของครูยังตัวเล็กๆ ทำท่าโยเยจะไม่ยอมไปโรงเรียน คุณย่าทั้งขู่ทั้งปลอบ   
   ถัดบ้านครูไปหนึ่งห้อง นักดนตรีท่านหนึ่งของวงดุริยะโยธิน ดูเหมือนจะชื่อ “จาโรจน์ รุ่งเรือง”  กำลังนั่งดื่มกาแฟอย่างสบายอารมณ์บนชานหน้าห้อง แล้วหันหน้ามาทักทาย 
   “มาต่อเพลงกะพี่หมานเหรอ”
   “ครับ” ผมตอบสั้นๆ (เพราะไม่ทราบว่าจะพูดอะไร)
   “ตื่นแล้วละ เดี๋ยวก็ลงมา”
   “ครับ”
   พอดีพี่หมานออกมา ผมก็เลยโล่งอก เพราะยังหาถ้อยคำที่จะพุดต่อไปอีกก็นึกไม่ออก พี่หมานหันไปทักคุณจาโรจน์แล้วก็พยักหน้า เรียกผมเข้าไปต่อเพลงในบ้านทั้งสองเพลง กว่าจะเสร็จก็เที่ยงกว่า พี่หมานจึงบอกพอก่อนเถอะ แล้วพาผมไปทานก๋วยเตี๋ยวแถวสี่แยกสำราญราษฎร์
   ผมพยายามอย่างยิ่งในการซ้อมแลละทบทวนทำนองที่ต่อเอาไว้โดยถี่ถ้วน เพื่อจะได้เกิดความคล่องและเคยชินกับคำร้องทั้งหมด ซึ่งทำให้ผมนึกถึงคำพูดของครูไศลที่ว่า
   “จะร้องเพลงให้ดีต้องร้องชัดเจน คำร้องและทำนองต้องถูกต้อง ทอดลมหายใจให้ยาวพอดีกับตัวโน้ต” และย้ำอีกว่า “พร้อมกันนั้นต้องร้องให้ได้ความรู้สึก”
   ผมดีใจที่ครูทั้งสองท่านให้ความไว้วางใจ และผมจะต้องร้องให้ดีที่สุด
   ถึงวันบันทึกเสียงวันนั้น
   นอกจากจะตื่นแต่เช้า ลุกขึ้นมาซ้อมร้องเพลงทั้งสองเพลงแล้ว รีบอาบน้ำอาบท่าแต่งตัวตามสบาย เดินลัดเลาะจากบ้านบางลำพูเรื่อยมาจนถึงโรงภาพยนตร์เฉลิมไทย ขึ้นไปจนถึงห้องอัด แต่ยังไม่มีใครมาก็เลยลงมานั่งคอยที่ร้านไอศกรีมที่ชั้นล่าง
   เอาเนื้อเพลงออกมาร้องทบทวนสักพัก นักดนตรีหลายท่านแบกกลองแบกเบส หิ้วเครื่องดนตรีของแต่ละคนทยอยขึ้นไป รวมทั้งพี่หมานด้วย
   ผมตามขึ้นไปอีกครั้ง ไหว้นักดนตรีและพี่หมานแล้ว ก็รอให้เขาตั้งวงตามจุดที่ช่างบันทึกเสียง (ดูเหมือนจะเป็นแขก) ชี้ให้ ดูๆแล้วก็เห็นแต่ไมโครโฟนตัวเดียวที่นักดนตรีใช้ ส่วนนักร้องมีอีกหนึ่งตัวอยู่ตรงมุมห้อง หน้าห้องควบคุมเสียงนั่นแหละ
   ตั้งวงดนตรีเสร็จแล้ว พี่หมานก็เรียกผมไปซ้อมกับวงดนตรี ใจผมเริ่มเต้นผิดปกติ จะว่าไม่กลัวก็ไม่ใช่ จะว่ากลัวก็ไม่เชิง
   ตื่นเต้นกระมัง!
   ไม่หรอกน่า งานวันเกิด งานขึ้นบ้านใหม่ งานแต่งงานก็ร้องมาตั้งเยอะแยะแล้ว ทำไมกะอัดแผ่นเสียงแค่นี้ถึงได้ใจเต้นเป็นวรรคเป็นเวร
   ก็มันไม่เคยนี่นา
   พอไฟเขียวสัญญาณให้ทุกคนเงียบ พอไฟเหลืองใจผมก็เริ่มเต้นแรงขึ้นมาอีก มันเต้นดังจนผมกลัวมันจะดังเข้าไปในไมโครโฟนพอถึงไฟแดง พี่หมานก็เริ่มนับด้วยมือซ้าย ส่วนมือขวายังถือทรัมเป็ตพร้อมที่จะเป่า
   อินโทรเริ่มขึ้นจนครบห้อง ผมมัวแต่มองพี่หมานเลยไม่ได้อ้าปากร้อง พี่หมานหันมามอง ผมตกใจยกมือไหว้ขอโทษ พี่หมานยิ้มๆ หันไปบอกนักดนตรี “เอาใหม่” หันไปมองช่างควบคุมเสียง ช่างผงกศีรษะ พี่หมานนับใหม่ ขึ้นดนตรีมาอีกครั้ง ผมเริ่มต้นร้องได้หนึ่งท่อน ไม่รู้ใครปล่อยเสียงดังปี๊ดออกมา ช่างควบคุมเสียงดับไฟแดง เตรียมย้อนเทปอัดใหม่
   กว่าจะเสร็จเพลงแก้วกัญญาก็ว่ากันไปหลายหน กว่าที่พี่หมานจะพอใจ เล่นเอาเหงื่อแตกพลั่ก เพราะเวลาอัดเสียงต้องดับแอร์ (ไม่งั้นเสียงแอร์เข้า) จึงร้อนเอามากๆ
   เพลงที่สอง นาฏกรรมชีวิต ก็ไม่ใช่ย่อย ร้องผิดอยู่เรื่อย นักดนตรีเริ่มหน้าไม่ค่อยดี เพราะต้องเอาใหม่อยู่เรื่อย พี่หมานต้องคอยปลอบผมว่าใจเย็นๆ
   “ตั้งใจให้ดีเทพ...”
   แน่นอน พอนาฏกรรมชีวิตเสร็จก็เกือบค่ำแล้ว พี่เพ็ญแข กัลย์จารึก ก็ร้องต่อไปในแพลงอื่นอีก ผมลาพี่หมานแล้วรีบเดินกลับบ้านบางลำพู พลางนึกกระหยิ่มใจในการขับร้องที่ผ่านไปเมื่อตะกี้นี้
   “อีกไม่นานเพลงออกมา เราคงมีชื่อเสียงบ้าง” ผมนึกในใจ
   นั่งนับวันนับคืนเกือบปี เพลงที่ร้องถึงได้ออกมาขาย ได้ยินจากวิทยุทีไรก็รีบวิ่งไปแอบฟัง พอฟังแล้วหัวใจก็พองโตประหลาด ทั้งๆที่สมัยนั้นสถานีวิทยุก็มีไม่กี่แห่ง ดูเหมือนจะมีของกรมโฆษณาการ (กรมประชาสัมพันธ์), ๑ ปณ. ที่วัดเลียบ, รักษาดินแดน ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เท่านั้นเอง
   ต่อมาก็ได้อัดเพลงของพี่แจ๋ว แล้วก็มาถึงพี่หมาน สลับกันไปมาหลายครั้ง จนกระทั่งถึงเพลลง “รักคุณเข้าแล้ว”
   เพลงแต่งทำนองโดยพี่หมาน ส่วนคำร้องโดยคุณสุนทรียา ณ เวียงกาญจน์ เป็นเพลงใช้คำว่า “ผม” และ “คุณ”  เล่นเป็นจังหวะวอลทซ์ ออกควิกวอลทซ์ ฟังแล้วโก้ดี
   อะไรไม่สำคัญ!
 เปิดกันทั้งวันทั้งคืน ไปไหนมีแต่คนฮัมเพลงรักคุณเข้าแล้วกันเพลิดเพลิน นักร้องในไนต์คลับก็เอามาร้องกันใหญ่ นักร้องต่างประเทศไม่ว่าไทย จีน หรือฟิลิปปินส์มาโชว์ ก็ต้องเอาเพลลงนี้มาร้อง เพราะพอขึ้นต้น “รักคุณเข้าแล้ว เป็นไร...” ก็ตบมือกันเกรียวกราว
เป็นอันว่าผมเกิดได้เพราะเพลงของครูสมาน กาญจนะผลิน และ สุนทรียา ณ เวียงกาญจน์ นี่แหละ และมันก็เหมือนกับเป็นการปฏิวัติการใช้ถ้อยคำของการแต่งเพลงให้ทันสมัยขึ้น ต่อมาคำว่า “ผม” และ “คุณ” ก็ถูกนำมาใช้ในเพลงมากขึ้นจนถึงปัจจุบัน
   “บุญคุณ” ของครูนั้นยิ่งใหญ่ล้นฟ้า
   “เมตตา” ของครูนั้นอิ่มอาบและอุ่นใจ
   “ปรานี”  ของครูนั้นซึมซาบและซึ้งใน
   แน่ไซร้ “ศิษย์จึงกตัญญูและรู้คุณ”
   เคารพรักครูที่สุด

   สุเทพ วงศ์กำแหง
   21 ก.พ. 38
   

[กระต่าย]

ผ่องศรี วรนุช
ชื่อจริง  ผ่องศรี วรนุช
เพลงแรกที่บันทึกเสียง หัวใจไม่มีใครครอง
ผู้ประพันธ์ สุรพล พรภักดี
บันทึกเสียงปี 2498

เพลง หัวใจไม่มีใครครอง.
ขับร้องโดย ผ่องศรี วรนุช
คำร้อง-ทำนอง สุรพล พรภักดี

    อาณาจักรใจ ฉันยังไม่มีใครครอง..ชะ ชะ ช่า
ไม่มีเจ้าของ ครองใจหมายผูกพัน..ชะ ชะ ช่า
เพราะว่าดวงใจ ดวงนี้ยังไม่ต้องการ..ชะ ชะ ช่า
ความรักนิรันดร์ จากชายที่หมายภักดี
     หัวใจห้องนี้ ไม่มีใครเป็นราชา..ชะ ชะ ช่า
ไม่ปราถนา ผูกมิตรคิดหลีกหนี..ชะ ชะ ช่า
มิได้เกลียดชัง หรือตั้งใจตัดไมตรี..ชะ ชะ ช่า
ที่ไม่ไยดี เพราะใจฉันไม่ใฝ่ฝัน
***โดยมากผู้ชาย เดี๋ยวนี้ไว้ใจกันยาก
หญิงต้องลำบาก เพราะชายมาแล้วนับพัน
คิดว่าสตรี นี้คงจะรู้ไม่ทัน
คุณคิดประสานสัมพันธ์ เพื่อเป็นหนทางมุ่งหวังทำลาย
     หัวใจห้องน้อย ไม่เคยรอคอยใครครอง..ชะ ชะ ช่า
ไม่เคยเรียกร้อง คู่ครองไว้แนบกาย..ชะ ชะ ช่า
แม้นว่าใจคุณรักจริง คอยหน่อยได้ไหม..ชะ ชะ ช่า
จนกว่าวันใด ต้องการฉันจะบอกคุณ.
จนกว่าวันใด ต้องการฉันจะบอกคุณ
จนกว่าวันใด ต้องการฉันจะบอกคุณ...
 

[กระต่าย]

ชาย เมืิองสิงห์
ชื่อจริง สมเศียร พานทอง
เพลงแรกที่บันทึกเสียง มอดกัดไม้
ผู้ประพันธ์ มงคล อมาตยกุล
บันทึกเสียงปี 2504

เพลง มอดกัดไม้.
ขับร้องโดย ชาย เมืิองสิงห์
คำร้อง-ทำนอง มงคล อมาตยกุล

     อยากจะเตือนเพื่อนเรา ที่โง่เขลาลืมตัว
เห็นกงจักรเป็นดอกบัว หลงเมามัวลืมตัวไปได้
หลงลืมพระคุณ ผู้ที่การุณได้อย่้างไร
อย่าเป็นมอดกัดไม้ ต่อไปจะต้องลำเค็ญ
     แสนสงสารคนคิดผิด เผยอฤทธิ์ว่าเป็นดาว
คิดดูหมิ่นเวหาหาว จะกลายเป็นดาวกระเด็น
แต่เดิมทีไม่มีชื่อ ก็มักดูซื่อนักหนา
พเนจรร่อนเร่มา จนเป็นดาราดวงเด่น
ทำมืออ่อนปากหวาน เที่ยวขอทานชื่อเสียง
ล้วนเอ่ยถ้อยสำเนียง ปากหวานส่งเสียงทำเด่น
คุยอวดเป็นนักธรรมะ ปากว่าสละกิเลส
แต่ทำสิ่งน่าทุเรศ ดูน่าสมเพชเหลือเข็ญ
มีความรู้อย่างนกแก้ว พูดแจ้วๆปากตลาด
คิดดูแล้วให้อนาถ เป็นคนขี้ขลาดซ่อนเร้น
เรื่องลูกเมียและแม่ยาย อย่านึกว่าใครเขาไม่รู้
น่าสงสารคนทั้งคู่ นอนหลับไม่รู้คู้ไม่เห็น
แม่ยายคนดีอยู่ในหลุม พ่อลูกเขยกลุ้มขึ้นมา
ขุดเอาคนตายขึ้นมาด่า ช่างสรรวาจาด่าเล่น
อันไม้หลักปักเลน ย่อมโอนเอนไปตามน้ำ
เจ้ากลับช่วยผลักซ้ำ มันช่างน่าขำไม่ใช่เล่น
ยามเมื่อเจ้าอับจน เจ้าดั้นด้นมาเกาะไว้
พอได้ที่อื่นยืนได้ เจ้ากลับเขี่ยไม้กระเด็น
เจ้ากลายเป็นมอดกัดไม้ กัดเสียบรรลัยไปทุกสิ่ง
กัดแม้สัจจะความจริง กัดเสียทุกสิ่งไม่เว้น
คนเอาสัจจะไปขาย ก็จะต้องตายทั้งเป็น...
 

[กระต่าย]

สุรพล สมบัติเจริญ
ชื่อจริง (ชื่อเดิม ลำดวน)-สุรพล สมบัติเจริญ
เพลงแรกที่บันทึกเสียง น้ำตาลาวเวียง
ผู้ประพันธ์ สุรพล สมบัติเจริญ
บันทึกเสียงปี 2496

เพลง น้ำตาลาวเวียง
ขับร้องโดย สุรพล สมบัติเจริญ
คำร้อง-ทำนอง สุรพล สมบัติเจริญ

    หนาวลมพัดผ่าน แหล่งแลงลม
ตัวข้อยมานั่งเดียวเมิ๊ดเพื่อน
ยามยากใจ ไผไผบ่เหลือตน
ข้อยทุกข์ทนถมล้นใจเด้ บ่มีผู้ใดสิมาเยือน
ข้อยกู่เว้าสาวเจ้าถึงเฮื่อน เจ้ามาเลือนเปลี่ยนไป ใจข้อยซ้ำเด้
     โอ้ละเน้อผู้สาวเอย
ซังมาลืมคำเว้า แต่เฮาฮักกันปางปุ้น
ลืมคำจาเหยเหยซังบ่อาย ลวงบ่าวซาย
ให้อ้ายน้ำตาหลั่ง เหลือแห้งบักนางเว้าวอน
โอ้แม่สาวบังอร บ่เป็นจริงดั่งคำนาง ใจข้อยซ้ำเด้
     โอข้อยมาเสียใจ
เพิ่นติ่งซังบัดเจ้าไปมีบ่าวซมซู้อื่น
ลมโซยมาหวิวหวิว แลงแหล่งลม  
เบิ่งนกน้อยก็ยังได้งอยคู่เคียง ข้อยระกำทนกล้ำกลืน
โอ้แม่นฟ้าจงเป็นพยาน เจ้าแปรผันมากลอกกลับคืน ใจข้อยซ้ำเด้...
 

[กระต่าย]

ปักษิณ ลูกวิเศษ
ชื่อจริง ประเทือง อินทร์ศรี
เพลงแรกที่บันทึกเสียง คิดถึงนาง
ผู้ประพันธ์ พงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา
บันทึกเสียงปี 2507

เพลง คิดถึงนาง
ขับร้องโดย ปักษิณ ลูกวิเศษ
คำร้อง-ทำนอง พงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา

    คิดถึง คิดถึงจริงโอ้ผู้สาว
คิดถึงผิวขาวและแก้มนาง
คิดถึงผมดำที่เคลียไหล่
คิดถึงดวงตาที่สดใส
คิดถึงดวงใจ ยอดปราถนา
     คิดถึง คิดถึงคืนที่เคียงนาง
จนถึงฟ้าสาง ยังแนบน้อง
จนเสียงนกร้อง ก้องทิวป่า
เจ้ายังอ้อนคำรักชื่นอุรา
สวรรค์บ้านนา ข้ามีนาง
***แอบอกอุ่นออด
กอดเพียงชั่วคืน
พอตื่นนางน้องก็ไกลห่าง
กลิ่นสาวรอยสิ้น เหลือกลิ่นฟาง
สวรรค์ลอยค้างลม
     คิดถึง คิดถึงจริงโอ้ผู้สาว    
ยามนี้ข้าหนาวไร้คู่ชม
เจ้าหลงลมใครเล่าจึงจาก
พรากรักข้าไป ทิ้งให้ขื่นขม
เหมือนฝังข้าจมทุ่งระกำ...
 

[หมื่นกระบี่ไร้พ่าย]

เพลง : ลมจ๋า
ขับร้อง : พร ภิรมย์
คำร้อง/ทำนอง : บุญสม อยุธยา
บันทึกแผ่นเสียง : ปี พ.ศ.2501
*//เป็นเพลงที่ท่านเป็นผู้ประพันธ์ขึ้นมาเอง เป็นเพลงที่ไพเราะมากแต่ไม่ดัง อาจเป็นเพราะเพลงลมจ๋าของท่านออกมาใกล้เคียงกับเพลงลมจ๋า ของชรินทร์ งามเมือง ซึ่งมีชื่อเสียงอยู่ก่อน ทำให้คนฟังยอมรับนักร้องที่มีชื่อเสียงมาก่อนมากกว่า ผ่านไป 1 เดือนจึงได้บันทึกเสียงเพลงที่ 2 คือเพลงกระท่อมทองกวาว,ลานรักลานเท,ดอกฟ้าลับแล ตามลำดับ ทำให้พอมีคนเริ่มรู้จัก จนมาถึงการบันเสียงเพลงที่ 5 คือเพลงบัวตูม บัวบาน ซึ่งเพลงนี้เองทำให้ท่านโด่งดังไปทั่วประเทศ
<a href="http://spamtheweb.com/ul/uploads/2162010/873_lomjar.swf" target="_blank">http://spamtheweb.com/ul/uploads/2162010/873_lomjar.swf</a>
ลม...ป่า ครางแว่วแผ่วโชย
อ่อนโรย สำออยอ้อยอิ่งกิ่งไม้
แผ่วครางหวิวโชยปลิวไม้ไกว
ดังซ้ำเติมพี่ให้ ครวญวิโยคไม่สร่าง

สาย...ลม พาน้ำค้างพร่างพรม
พี่หนาวระทม หมดทาง
โอ้...ใจนาง
โรยร้างรักลา หนีหน้าสิ้นเงา

คืน...ก่อน นอนเพ้อละเมอคร่ำครวญ
ยามห่างอ้างว้างรัญจวน
คิดถึงนวลเนื้ออุ่น
เคยหนุนแนบทรวงเจ้า

หนุนตัก เจ้ากลับไม่ยอมให้หนุน
พี่ยังง้อแม่คุณ
ขอเพียงอุ่นดังครั้งเก่า

คอยโลมเล้าเอาใจพนอ
ความรักเธอคอยเคล้าคลอ
งอนก็ง้อรักเจ้า

แต่นรกหรือไรบันดาล
ให้วิมานรักกลายเป็นเศร้า

น้องจากไป น้องโกรธใย
ตัดใจจากกันแปรผันจากเรา
ลม.... ลมจ๋าปรานีนะลม
จงพัดเอาความภิรมย์ มาให้ชมเหมือนเก่า
ขอเพียงหนุนนางเช่นเคย เชยเจ้า
อย่าให้เฝ้าคอยฝัน

[กระต่าย]

ชาตรี ศรีชล
ชื่อจริง สมบุญ สีเส็ง
เพลงแรกที่บันทึกเสียง บัวหลวง
ผู้ประพันธ์ ชาตรี ศรีชล
บันทึกเสียงปี 2512

เพลง บัวหลวง
ขับร้องโดย ชาตรี ศรีชล
คำร้อง-ทำนอง ชาตรี ศรีชล

    ดอกบัวกลางบึง พี่เอื้อมไม่ถึงไกลตา
หมดวาสนา เมื่อมาพบบัวกลางบึง
พี่พเนจร แรมรอนเหมือนภมรผึ้ง
อยากได้บัวบึง เป็นเพื่อนเมื่อถึงคราตรม
     เจ้าบัวสีแดง อย่าแกล้งให้พี่หงอยเหงา
เจ้าบัวสีขาว อย่าเง้างอนพี่ระทม
โปรดจงเชื่อใจ จะเทิดทูนไว้เชยชม
มิให้ระบม คารมพี่นี้ไม่ลวง
***ตราบจนบัว หมองมัวแห้งกลาย
จะเก็บซากใบ เอาไว้แนบทรวง
ตราบชีพนี้วาย จะไม่ทอดทิ้งพุ่มพวง
โอ้แม่บัวหลวง บัวหลวงกลางน้ำสุดแล
     ดอกบัวบังใบ หลบไปมิให้พี่เห็น
เจ้ากลับซ่อนเร้น มองเห็นแต่เพียงจอกแหน
เจ้าไกลก็ไกล คงเอื้อมไปไม่ถึงแน่
จึงได้แต่แล มองแม่บัวหลวงรำพึง...
 

[หมื่นกระบี่ไร้พ่าย]

<a href="http://spamtheweb.com/ul/uploads/2162010/185_aungdokfar.swf" target="_blank">http://spamtheweb.com/ul/uploads/2162010/185_aungdokfar.swf</a>
เพลง : เอื้องดอกฟ้า
ขับร้อง : ทนงศักดิ์ ภักดีเทวา
คำร้อง : เกษม ชื่นประดิษฐ์
ทำนอง : สมาน กาญจนผลิน
บันทึกแผ่นเสียง : ปี พ.ศ.2500
นำออกจำหน่าย : ปี พ.ศ.2501

[หมื่นกระบี่ไร้พ่าย]

<a href="http://spamtheweb.com/ul/uploads/2162010/654_ratreejaoei.swf" target="_blank">http://spamtheweb.com/ul/uploads/2162010/654_ratreejaoei.swf</a>
เพลง : ราตรีเจ้าเอ๋ย
ขับร้อง : วงจันทร์ ไพโรจน์
คำร้อง/ทำนอง : ฮอน หาญบุญตรง
บันทึกแผ่นเสียง : ปี พ.ศ.2496

[หมื่นกระบี่ไร้พ่าย]

<a href="http://spamtheweb.com/ul/uploads/2162010/764_seadairak.swf" target="_blank">http://spamtheweb.com/ul/uploads/2162010/764_seadairak.swf</a>
เพลง : เสียดายรัก
ขับร้อง : ทัศนัย ชอุ่มงาม
คำร้อง : สนิท ศ.
ทำนอง : เล็ก ชอุ่มงาม
บันทึกแผ่นเสียง : ปี พ.ศ.2487

[หมื่นกระบี่ไร้พ่าย]

<a href="http://spamtheweb.com/ul/uploads/2162010/202_danmaturot.swf" target="_blank">http://spamtheweb.com/ul/uploads/2162010/202_danmaturot.swf</a>
เพลง : แดนมธุรส
ขับร้อง : ลัดดา ศรีวรนันท์
คำร้อง/ทำนอง : สมยศ ทัศนพันธ์
บันทึกแผ่นเสียง : ปี พ.ศ.2496

[หมื่นกระบี่ไร้พ่าย]

<a href="http://spamtheweb.com/ul/uploads/2162010/576_chuanitnirandorn.swf" target="_blank">http://spamtheweb.com/ul/uploads/2162010/576_chuanitnirandorn.swf</a>
ชั่วนิจนิรันดร์(2493)

เพลง : ชั่วนิจนิรันดร์
ขับร้อง : นริศ อารีย์
คำร้อง/ทำนอง : พยงค์ มุกดา
บันทึกแผ่นเสียง : ปี พ.ศ.2493
*//ที่โด่งดัง และพอได้ยินกันบ่อยจะเป็นการบันทึกเสียงครั้งที่ 2 ปี พ.ศ.2498

<a href="http://spamtheweb.com/ul/uploads/2162010/347_chuanijnirandorn2.swf" target="_blank">http://spamtheweb.com/ul/uploads/2162010/347_chuanijnirandorn2.swf</a>
ชั่วนิจนิรันดร์(2498)