นายสุรินทร์ ภาคศิริ มีชื่อจริงว่า ชานนท์ ภาคศิริ ชื่อจัดรายการวิทยุ ทิดโสโปข่าว หรือ ทิดโส สุดสะแนน เกิด พ.ศ.2485 ที่อำเภออำนาจเจริญ จังหวัดอุบลราชธานี ปัจจุบันคือ อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ จบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 6 (ม.6 เดิม) จากโรงเรียนอำนาจเจริญ พ.ศ.2503
มีพรแสวงและพรสวรรค์ในการประพันธ์มาตั้งแต่เด็ก เพราะได้มีโอกาสเรียนรู้จากคณะละครอุลิตราตรีศิลป์ และคณะเทพศิลป์ 2 ที่ไปปักหลักเปิดการแสดงที่บ้านต่างจังหวัดสมัยเรียนมัธยมปีที่ 3 และเริ่มแต่งกลอน นวนิยาย เรื่องสั้น และแต่งเพลงเชียร์กีฬาของโรงเรียน พอจบ ม.6 จึงเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ตามหาความฝันของชีวิต ศึกษาด้านการเป็นนักร้องนักประพันธ์ด้วยการอาศัยชาคากุฏิวัดนรนารถสุนทริการาม เทเวศร์ พึ่งใบบุญข้าวก้นบาตรพระ มีอุปสรรคด้านการศึกษาเล่าเรียน จึงหันมาแต่งเพลง ประพันธ์กลอน เรื่องสั้น และฝากตัวเป็นศิษย์ของครู ก.แก้วประเสริฐ ครูเพลงชื่อดังในยุคนั้น ได้รับการสนับสนุนอย่างดี ขณะเดียวกันก็ได้สอบเข้ารับราชการเป็นข้าราชการกรมราชทัณฑ์ กระทรวงมหาดไทย จึงหมดโอกาสที่จะเดินสายเป็นนักร้อง หันมาเอาดีกับงานประจำและแต่งเพลง มีผลงานให้กับนักร้องดังในสมัยนั้นเริ่มจากผลงานชิ้นแรก คือ คนขี้หึง ขับร้องโดย ชื่นกมล ชลฤทัย เพลง คนขี้งอน ร้องโดย ไพรวัลย์ ลูกเพชร เพลง เมษาอาลัย ร้องโดย หมาย เมืองเพชร และเพลง เต้ยเกี้ยวสาว ขับร้องโดย กบิล เมืองอุบล ซึ่งเป็นเพลงที่สร้างชื่อด้วยแนวการร้องแบบศิลปะของหมอลำ จากนั้นก็แต่งเพลงป้อนให้นักร้องดังๆ อีกหลายคน เช่น ศักดิ์ศรี ศรีอักษร, ไวพจน์ เพชรสุพรรณ, สนธิ สมมาตร, กาเหว่า เสียงทอง, ศรคีรี ศรีประจวบ, ศรชัย เมฆวิเชียร, เรียม ดาราน้อย, คณะรอยัลสไปร์ท, ศักดิ์สยาม เพชรชมพู, สันติ ดวงสว่าง, เอ๋ พจนา, สายัณห์ สัญญา, ชาย เมืองสิงห์ เป็นต้น เพลงที่สร้างชื่อให้มากที่สุดคือ วอนลมฝากรัก, อ.ส.รอรัก, ทหารเกณฑ์ผลัด 2, หนาวลมที่เรณู, ทุ่งกุลาร้องให้, หอมกลิ่นดอกคำใต้, หนุ่ม น.ป.ข., ลำกล่อมทุ่ง
รางวัลเกียรติยศที่ได้รับ ปี 2514 รางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เพลง งานนักร้อง ขับร้องโดย พรไพร เพชรดำเนิน
ปี 2534-2538 รางวัลเพลงลูกทุ่งดีเด่นจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เพลง ทุ่งกุลาร้องให้ ขับร้องโดย ศักดิ์สยาม เพชร ชมพู
เพลง หนี้กรรม ขับร้องโดย สุมิตร สัจเทพ และยุพิน แพรทอง
เพลง หนาวลมที่เรณู ขับร้องโดย ศรคีรี ศรีประจวบ
ปี 2551 ศิลปินมรดกอีสาน สาขาวรรณศิลป์ ประเภทประพันธ์เพลง (ลูกทุ่ง) จากหอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ข้อมูลจาก: หอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น พูดถึงครูสุรินทร์แล้วถือว่าเป็นนักเพลงลูกทุ่งอีสานรุ่นบุกเบิกคนหนึ่งซึ่งรอยต่อระหว่าง เบญจมินทร์ ซึ่งเป็นชาวอุบลราชธานี ในภาพนักร้องเบญจมินทร์ โดดเด่นทั้งความเป็นนักร้อง นักแต่งเพลง นักเขียนบทและผู้กำกับภาพยนตร์ และเบญจมินทร์คือ ต้นแบบเสียงของสุรพล สมบัติเจริญ
ยุคที่เพลงอีสานแผ่วงกว้างในวงการเพลงลูกทุ่งนั้น นักร้องหลายๆ คนได้เพลงจากครูสุรินทร์ เช่น เทพพร เพชรอุบล,ศักดิ์สยาม เพชรชมพู,สนธิ สมมาตร และดาว บ้านดอน เป็นอาทิ
จะว่าไป ถ้าบอกว่าเมืองนักร้องต้องสุพรรณบุรี อันนี้ไม่เถียงใดๆ ทั้งสิ้น แต่ถ้าถามว่าอีสานมีพลังในบทเพลงสูงอยู่อุบลราชธานี (รวมทั้งอำนาจเจริญด้วย) นักแต่งเพลงลูกทุ่งอีสานที่เป็นธารกระแสในยุคยังไม่เรียกว่าเป็น “ลูกทุ่ง” แต่ยังเป็น “เพลงตลาด” เริ่มจาก “ เบญจมินทร์” ที่นำวงรำวงเข้ามาในเพลง “รำเต้ย” เป็นต้นมา
จนมายุคครูพงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา – สุรินทร์ ภาคศิริ ที่มีนักร้อง ๔ เด็ดเพชรอีสานเป็นขุมกำลังสำคัญ
แต่ต้องไม่ลืมว่าเพลงดังๆ ในเรื่อง “มนต์รักลูกทุ่ง” ของรังสี ทัศพยัคฆ์ นั้น นอกจากเพลงครูไพบูลย์ บุตรขัน แล้ว เพลงของ สุรินทร์ ภาคศิริอยู่หลายเพลงเช่นกัน
นอกจากนี้ครูสุรินทร์ ถูกกล่าวขานกันในวงการเพลงลูกทุ่งว่าเป็นคู่แฝดแห่งวงการกับ ครูพงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา นักแต่งเพลงรุ่นพี่ชาวอุบลฯ
อีสานมีนักร้อง นักแต่งเพลงมากมายแล้วจะฟูมฟายอะไรกับความคิดที่ถูกสร้างกลให้ว่าตัวเองไม่มีพลัง แต่พลังยังเต็มเปี่ยมอยู่บนความเป็นพลังลาวคักๆ อยู่เต็มภูมิ