เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ตัดแปะโดย เจ เหน่งบา ๖.กำเนิดวัชระ(วชิราวุธ)

[เจ เหน่งบา]

วัชระ ซึ่งเป็นอาวุธทรงมหิธานุภาพของอินทรา..เทพผู้เป็นใหญ่แห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
(หรือไตรตรึงส์  หรือ ตาวติงสา อันมาจากคำว่าสามสิบสาม  คือ สวรรค์ชั้นนี้ เป็นที่ตั้งของสภาแห่งเทวดา
คือสุธรรมาเทวสภา อันมีเทพสมาชิกผู้ทรงเกียรติอยู่สามสิบสามองค์ครับ)
ข้อมูลที่จะเอามาให้อ่าน อ้างอิงจากหนังสือ เทวโลก โดยพลูหลวง

     "....เดิมนั้น พระอินทร์ทรงครองความเป็นใหญ่แห่งสวรรค์ ทรงปกครองสวรรค์ โลก และสรรพสัตว
์ทรงประทานความชุ่มชื้นให้แก่มนุษยโลก ทุกอย่างที่พระองค์ปกครอง เต็มไปด้วยความไพบูลย์
ยังมีอสูรตนหนึ่งชื่อ พฤตาสูร ซึ่งเป็นเจ้าแห่งความแห้งแล้งไร้ฝน เกิดความอิจฉาความมั่งคั่งของพระอินทร์
อยากจะเข้าครอบครองสวรรค์ จึงจับเอาเมฆที่ลอยบนท้องฟ้าไปขังเสียทั้งหมด ทำให้แผ่นดินแห้งแล้งแตกระแหง
พืชพันธุ์บนโลกก็เหี่ยวเฉาลง แม่น้ำลำคลองเหือดแห้งสิ้น สรรพสัตว์ต่างๆ พากันเดือดร้อนล้มตายเป็นจำนวนมาก
เมื่อพระอินทร์ทราบเรื่องจึงเสด็จมาบนหลังช้างเอราวัณ แต่อสูรปิดถ้ำที่ขังก้อนเมฆและตนเองเสีย
พระอินทร์ไม่อาจเข้าไปได้ ขณะที่พระอินทร์หยุดทัพพักผ่อน เหล่าอสูรจึงเปิดถ้ำแล้วยกทัพออก
ไล่ตีกับเทวดาจนแตกพ่ายไป  พระอินทร์จึงพ่ายต่ออสูรเป็นครั้งแรก
     เมื่อกลับมาสู่เทพนคร พระอินทร์จึงเสด็จไปเฝ้าพระพรหมธาดา ผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งหลายพระพรหมแนะให้
ไปหาบรรดาฤษีมุนีทั้งหลาย  ผู้บำเพ็ญตบะบนโลก พวกนี้มีญาณวิเศษอาจบอกเคล็ดลับให้ชนะได้
ฤษีผู้ยิ่งใหญ่บนโลก บอกว่า อาวุธนี้ จะต้องแข็งแกร่งที่สุด แต่้ต้องไม่ใช่โลหะ จะต้องใช้อัฐิบรมฤษีผู้ยิ่งใหญ่สักองค์หนึ่ง
เอามาทำอาวุธ จึงจะสร้างความพินาศให้แก่พฤตาสูรได้ แล้วก็มีฤษีตนหนึ่งชื่อทธีจิยอมสละชีวิตให้ด้วยความเต็มใจ
เพื่อให้เป็นอาวุธของพระอิินทร์ อาวุธนี้ ทำเสร็จแล้วมีชื่อว่า วชิราวุธ ที่สุดองค์มัฆวานก็สามารถปราบพฤตาสูรได้
โลกก็กลับสู่ความสดชื่นรอดจากความตายได้
     การทำวชิราวุธนั้น เมื่อฤษีทธีจิ กลั้นใจตาย ทำการเผาสรีรร่างของท่านเหลือแต่อัฐิ จึงนำไปให้วิษณุกรรม
นายช่างใหญ่แห่งสวรรค์ ท่านมีชื่อว่า ท้าวตวัษฎรี พระวิษณุกรรม หรือวิสสุกรรมเทพบุตร จึงสร้างอาวุธขึ้นเป็น
"อาวุธเพชร" หรือ "วชิราวุธ" เมื่อขว้างไปทำลายศัตรูแล้วอาวุธนี้ก็จะกลับคืนมาสู่ผู้เป็นเจ้าของเสมอ
วชิราวุธหากขว้างออกไปจะเป็นสายฟ้าทำลายถ้ำของพฤตาสูร ตัวพฤตาสูรกับบริวารถูกฆ่าทำลายสิ้น
เทวดาบริวารของพระอินทร์ได้ปล่อยก้อนเมฆออกจากถ้ำ นำความสดชื่นมาสู่โลกตามเดิม  แล้วตามล้าง
พวกอสูรและรากษส ไม่ว่าจะหนีขึ้นสวรรค์หรือลงมายังโลกมนุษย์  เทวดาจะตามล้างผลาญจนสิ้น
ที่สุดพวกรากษสจึงหนีไปซุกอยู่ในท้องน้ำต่างๆ ซึ่งเทวดาไม่สามารถจะตามไปรังควานได้
ดังนี้รากษสจึงอาศัยใต้ท้องน้ำเป็นที่อยู่ของตนตลอดมา ....
      เนื่องจากคัมภีร์ต่างๆ บอกที่มาของเทพไม่สู้ตรงกัน จึงจำเป็นต้องบันทีกบางส่วนไว้
เป็นหลักฐาน เผื่ออาจเป็นประโยชน์ในการอ้างอิงทางโบราณคดี หรือประโยชน์ทางศิลปะ
ในการสร้างรูปเคารพ..."

จากนี้ จะเป็นการเขียนเพิ่มตามความเห็นส่วนตัว และข้อมูลทึ่เคยอ่านมานะครับ
ทำไม ต้องใช้อัฐิของมหาฤษี จึงจะจัดสร้างวัชระได้ ตรงนี้ผมนึกถึงเรื่องเกี่ยวกับพระธาตุของ
พระอริยสาวกหลายๆรูปแม้ในยุคปัจจุบันครับ  อัฐิของผู้ทรงศีลบริสุทธิ์ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์ กลายเป็นพระธาตุให้เห็นประจักษ์ รูปลักษณะสัณฐานต่างๆกัน  
พระธาตุหลายองค์ กลายเป็นวัตถุธาตุที่คล้ายรัตนชาติหลายประเภท  คิดเล่นๆในเชิงวิทยาศาสตร์
สสารดังกล่าวเปลี่ยนสภาพได้อย่างไร...คงสันนิษฐานว่า เปลี่ยนได้ด้วยพลังงานครับ
พลังงานบริสุทธิ์สูงสุดที่สามารถเปลี่ยนโครงสร้างของ โมเลกุล  คงทราบกันว่า เพชร เกิดจากคาร์บอน
ที่ผ่านกระบวนการ ทางธรรมชาติ ด้วยระยะเวลานาน แนวคิดเรื่องนี้ สำหรับผม คล้ายกันครับ
กระดูก หรือธาตุดินของผู้บรรลุฌาณขั้นสูง ซึ่งมีความพร้อมและเจตจำนงค์อันแน่วแน่
ที่จะแปรสภาพเป็นวัตถุธาตุที่แข็งแกร่งที่สุึด ที่ไม่ใช่โลหะ...เพชร

และเพชร เอาไ่ปทำอะไรได้ทราบไหมครับ...เลเซอร์ครับ อันนี้รู้กันมานานแล้ว
ถ้าคนในยุคก่อน เห็น "แสงที่มีอานุภาพในการทำลายล้าง" หากเปรียบเีทียบ
กับสิ่งที่เขาเคยเห็นตามธรรมชาติ เชื่อว่า ความคิดแรกๆ คงนึกถึง "สายฟ้า"
ผมจับแพะชนแกะทางความคิด ว่านี่อาจเป็นคำเฉลย ว่าทำไม วัชระหรือวชิระ
จึงได้มีความหมายไปถึงเพชร และสายฟ้าได้ในคำเดียวกัน เพชร...อาวุธที่สร้างแสงทำลาย
หรือสายฟ้า(ภาษาจีน เพชร จะใช้คำว่า กิมกังเจี๊ยะ เจี๊ยะคือหิน หรือศิลา กิมกัง ให้ความหมาย
ถึงวชิระด้วยเช่นกัน  แต่คำพวกนี้ มีรากฐานมาจากภาษาสันสกฤต ซึ่งมาจากอินเดียอยู่แล้ว)