(๒) รานิเกลิง (หรือราชนิเกลิง) สุดยอดเพลงลิเกลิเกนิยมนำเพลงไทยเดิมสั้น ๆ มาขับร้อง เช่น เพลง
กระต่ายเต้น ต้อยตริ่ง สาลิกาแก้ว หงส์ทอง แต่ก็มีปัญหาที่ร้องยากไปบ้างและจะร้องยาว ๆ ก็ลำบากอยู่เหมือนกัน
ลิเกดอกดิน เสือสง่าจึงได้ริเริ่มประดิษฐ์ทำนองเพลงลิเกขึ้นเพลงหนึ่งชื่อ
"รานิเกลิง" หรือ "ราชนิเกลิง" โดยนำทำนองเพล
งมอญครวญมาดัดแปลง ต่อมา
ลิเกหอมหวน นาคศิริได้ปรับปรุงดัดแปลงวิธีการร้องรานิเกลิงใหม่ โดยใช้กลอนแบบลำตัดเข้าผสมทำให้ร้องด้นต่อไปหลายคำจึงลง ให้ปี่พาทย์รับ ทำให้น่าฟัง และบรรยายความได้มากขึ้นเพลงรานิเกลิงจึงเป็นเพลงลิเกที่ดังที่สุด ลิเกคนไหนก็ต้องร้องรานิเกลิงเป็น
คำสุดท้ายของกลอนรานิเกลิงจะลงด้วยเสียงสระและตัวสะกดเหมือนกันตลอดเพลง กลอนที่ร้องด้นได้ยาวมาก ๆ คงเป็น
กลอนลา (คำที่ผสมสระอาไม่มีตัวละกด เช่น มา คว้า ว่า ผา เป็นต้น)
กลอนลี (คำที่ผสมสระอีไม่มีตัวสะกด เช่น มี สี่ ลี้ หนี เป็นต้น)
กลอนไล (คำที่ผสมสระไอ หรือใอ หรือสระอามี ย.สะกด เช่น ไทย ใจ สมัย ได้ ควาย สาย) เป็นต้นเนื่องจากมีคำใช้ในภาษาไทยมากมาย
ตัวอย่างกลอนรานิเกลิง
(กลอนลิน)"ขอน้อมนำอารัมภบท เป็นเรื่องโจษจำเจ ถึงที่มาว่าลิเก สนุกฮาเฮทั้ง
สิ้นสมัยรัชกาลที่หก ท่านหยิบยกลิเกมา ลิเกทั้งหลายได้พัฒนา เพิ่มคุณค่านาฏ
ศิลป์มีทั้งเรื่องรักเรื่องโศก ทั้งเรื่องตลกบันเทิง ที่ร้องไม่ขาดราชนิเกลิง สร้างความบันเทิงไม่
สิ้นก่อนจะเล่นก็แปลก ต้องออกแขกกันทุกที่ เรียกอีกชื่อว่านาฏดนตรี (ลง) รู้จักกันดีทั่ว
ถิ่นมาช่วยจรรโลงช่วยเชิดชู ลิเกให้อยู่คู่แผ่น
ดิน"
(ฤทธิเดช แสงทอง แต่ง)
ลองฟังกลอนรานิเกลิง