รำพึง-รำพันราวปี 2546 คาบเกี่ยวกับปี 2547 ผมมีโอกาสได้รู้จักกับพี่ชายต่างวัยท่านหนึ่ง ชื่อ "พี่โจ" รักใคร่นับถือชอบพอกัน เหมือนพี่น้อง สัญญาว่าทุกข์สุขจะไม่ทอดทิ้งกันเขาเป็นอดีตนักร้องหน้าวง ลูกศิษย์เพียงคนเดียวของ ชาตรี ศรีชล บ้านอยู่หมู่บ้านบางปูแลนด์ จ.สมุทรปราการ อาชีพรับเหมาก่อสร้าง ในตอนนั้นผมลงมากรุงเทพฯครั้งใด ก็จะมีโอกาสเดินทางไปนอนค้างอ้างแรมที่ จ.สมุทรปราการบ่อยครั้ง ครั้งหนึ่งหลายวัน ตอนนั้นพี่โจ กำลังรับเหมาก่อสร้างอยู่แถวๆรร.ย่านวัดด่าน..ผมจึงมีโอกาสได้เดินทางไปแค๊มป์คนงานหรือไซด์งานอยู่บ่อยๆ...เพราะพี่โจต้องไปตรวจงาน ชีวิตผมแทบไม่มีความรู้ เรื่องงานก่อสร้างเลย แต่ต้องอยู่ในอ๊อฟฟิศ ชั่วคราวที่วัดด่านนานทีละหลายชั่วโมง เพื่อรอพี่โจ...สมุทรปราการเลยกลายเป็นบ้านหลังที่ 2 ของผมไปโดยปริยาย...ไม่ว่าผมอยากจะไปไหน พี่โจ จะให้คนขับรถ ขับบีเอ็มไปรับ ไปส่ง ทุกๆที่ ที่อยากไป... ในช่วงนั้นผมคบกับผู้หญิงคนหนึ่ง...ซึ่งเธอพักอยู่แถวๆมีนบุรี..หทัยราษฎร์ ซอย 9 ซึ่งมันอยู่ห่างจากสมุทรปราการ พอสมควร ผมมักไปรับเธอมาสมุทรปราการ...และเลยไปส่งก่อนกลับชัยนาททุกครั้ง ช่วงความรักกำลังเบ่งบาน มองดูอะไรดีไปหมด โลกดูสวยงาม...เหมือนมีอะไรมาบังตา...วันหนึ่งเธอชวนผมไป แปดริ้ว เพื่อเยี่ยมพี่สาวเธอ..โดยไปรอรถที่แยกบางนา ขึ้นแท๊กซี่ไป... พี่โจบอกผมว่า ให้คนขับรถไปส่งให้เอาไหม...อยากกลับเมื่อไหร่ก็โทรมา เดี๋ยวให้เด็กขับรถไปรับ...ผมเกรงใจและที่สำคัญเธออยากขึ้นแท๊กซี่ไปเอง พี่โจด้วยความเป็นห่วงผม แกแอบเอาเงิน 3,000.-บาท แนบใส่ในสมุดขียนเพลงของผม ระหว่างที่นั่งแท๊กซี่ไปราวๆ2ทุ่ม จำได้ว่าฝนตกหนักมาก...จู่ๆก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่เครื่องของเธอ หลายครั้ง แต่เธอไม่รับ...หันมามองหน้าผม..ผมบอก ก็รับซิ..เธอจึงกดรับ เรานั่งเบาะหลังกัน 2 คน ความเงียบภายในเก๋งแท็กซี่...มันทำให้หัวใจผมแทบหล่น ลงไปกองกับพื้น เพราะทุกๆถ้อยคำที่เธอพูดคุยสื่อสารกับไอ้เจ้าตัวประหลาดที่โทรเข้ามา มันเหมือนคำพูดทุกคำที่เธอใช้พูดคุยกับผม สมองผมเริ่มสับสน...พอเธอวางสาย...ก็หันมาพูดคุย เอาใจเรา หอมแก้มเราเพราะกลัวเราจะโกรธประมาณนี้..อาจถึงเวลาที่ผมต้องตัดสินใจอะไรบางอย่าง..ก้าวแรกที่ก้าวลงรถแท๊กซี่ ผมเริ่มรู้ว่า อาจกลับบ้านไม่ได้เพราะที่นี่ไม่เห็นมีแท๊กซี่เลย...พี่สาวเธอพาเราไปนั่งที่ผับชื่อ ม้าไม้...แล้วไปต่อที่ดิสโก้เธคอีก 2-3ที่ ผมเริ่มมึนหัวเพราะไม่ชินกับสถานที่...ที่เอ่ะอะตึงตังแบบนี้...พี่สาวเธอขับไปส่งเราที่โรงแรมแห่งหนึ่ง จำได้ว่าราว ตี3 เธอออกอาการเมามายมาก...โวยวายผม สิ่งที่อยู่ในใจเก็บไว้ในใจเธอเริ่มระบายออกมา เธอรู้ว่าผมอาจไม่พอใจเรื่องโทรศัพท์ ทุกๆอย่างที่ผมเริ่มเดารู้แต่แรกว่า เธออาจคบใครหลายๆคนในเวลาเดียวกันเฉกเช่นเดียวกับผม...เริ่มค่อยๆหลุดออกมาจากปากเธอ...ผมนิ่ง..ซักพักเธอก็ล้มตัวลงนอนหลับไปเพราะความมึนเมา ผมเรียกเด็กมาจ่ายค่าโรงแรมค้างคืน..ผมหยิบกระเป๋าสตางค์เธอมา เอาสตางค์ผม ใส่ไว้ให้เธอ 1000.-บาท เธอคงพอค่ารถกลับบ้าน...ผมสะพายกระเป๋าเดินออกมาอย่างเงียบๆ ให้ทิปเด็กที่โรงแรมไปอีก 100 บอกฝากดูแลด้วย หากพรุ่งนี้เธอตื่นมาบอกผมไปแล้ว ผมเดินออกจากโรงแรมแบบไร้ทิศทาง งง มาก ในใจคิดจะโทรศัพท์หาพี่โจ ให้เด็กขับรถมารับแต่ดึกมากแล้ว...ใช้เวลาเดินวนไปมาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงหาท่ารถเจอ ขึ้นรถต่อมาแยกบางนา พี่โจขับรถมารับผมด้วยตัวเองหลังจากผมโทรบอก ตอนสายๆของวันนั้น อีกใจก็ห่วงเธอ...แต่ผมลงว่าตัดสินใจอะไรแล้วไม่เคยหันหลังกลับไปมอง ถึงแม้ในใจอาจปวดร้าวมากก็ตาม ผมเข้าอ๊อฟฟิศพร้อมพี่โจ ห้วงของความรู้สึกในตอนนั้น ผมคิดว่าหากหัวใจของคนเรามันเหมือนปูนซีเมต์ มันอาจแข็งแกร่ง ทนทาน ไร้ความรู้สึก จึงหยิบปากกาขึ้นมาเขียนเพลงชื่อ "ซีเมนต์หัวใจ"ผมใช้เวลาไม่นาน ใช้ความช้ำใจระบายออกมาสร้างงาน เขียนเพลงเสร็จ ผมค้นเจอสตางค์ที่ถูกแนบไว้ ถามพี่โจ พี่โจบอกว่า ผมเป็นห่วงอาจารย์ กลัวสตางค์หมด แหม...ช่างรู้ใจน้องเสียจริงๆ ผมหยิบสตางค์คืนให้พี่โจ
ราวเดือน ส.ค.2549 ผมขายเพลงนี้ให้ บริษัท PGM ในราคา 5,000.-บาท
และถูกถ่ายทอดโดย สมมาส ราชสีมาครับ ทำดนตรีโดย อ.สวัสดิ์ สารคามครับ
ตัวอย่าง
http://spamtheweb.com/ul/upload/4109/83311_sommas-se.swfเพลง"ซีเมนต์....หัวใจ"-สมมาส ราชสีมา อัลบั้มชุด ปิดทองหลังย่าโม
http://upload.one2car.com/download.aspx?pku=3129A53F536GSHC6SO[DH6PIFYLVC5