รวมเนื้อเพลงของ ครูสุรพล สมบัติเจริญ.

[กระต่าย]

เพลง แกงชิ้นฟัก
ขับร้องโดย สุรพล สมบัติเจริญ

    ฟังหนอผมจะเล่า นิทานกาลเก่า
ตั้งแต่ครั้งนานมา ยังมียายกับตา สองคนเดินป่ามาลำเนาพงพี
ท่านตานั้นเป็นเจ้าเหนือคน ชื่อท้าวยศวิมล ผู้คนหลงศักดิ์ศรี
ส่วนท่านยายนั้น ชื่อจันทร์เทวี เป็นพระมเหสีคู่กับองค์ราชัน
     เออ เฮ้อ เออ เอ่อ เอ้อ เอิง เอย
สองคนตายายเที่ยวเดินบุก ตามหาลูกพระสังข์ทองทั่วเขตขันธ์
พอพบแล้วจึงปลอมตัว เป็นแม่ครัวพลัน
แกงชิ้นฟักถวายท่าน ผู้ทรงชัย
จึงเอาชิ้นฟักแกะสลักเป็นอักษร เป็นเรื่องราวเก่าก่อนพอจำได้
หวังจะให้ลูกน้อยกลอยใจ นึกสังหรณ์ฤทัยว่าแม่มาตาม
ด้วยเดชะพระคุณเจ้าช่วยดลจิต ให้เจ้าคิดถึงแม่เคยอุปถัมภ์
ก่อนจะเสวยชิ้นฟักที่ในชาม จึงดลความก่อนเก่าให้เจ้าฟัง
อันชิ้นที่หนึ่งทรงครรภ์กัลยา คลอดลูกออกมาเป็นหอยสังข์
อันชิ้นสองต้องขับเที่ยวเซซัง อุ้มลูกไปยังพนาลัย
อันชิ้นสามเมื่ออยู่กับยายตา ลูกยาออกไปช่วยขับไก่
อันชิ้นที่สี่กัลยามาแต่ไพร ทุบหอยสังข์ป่นไปกับนอกชาน
อันชิ้นที่ห้าปิตุรงค์ผู้ทรงศักดิ์ ให้จับตัวลูกรักทำหักหาญ
อันชิ้นที่หกจองจำทำประจาน ให้ประหารฆ่าฟันให้บรรลัย
เออ เฮ้อ เออ เอ้อ เอย อันชิ้นที่เจ็ดเพชฌฆาต
เอาลูก..เอ้อ เออ..ยา ไปถ่วงคงคาน้ำไหล
รวมเป็นเจ็ดชิ้นสิ้นเรื่ออรทัย พระสังข์เข้าใจก็สงกา...
 
 

[กระต่าย]

เพลงแรกที่แต่งและบันทึกเสียงคือเพลงน้ำตาลาวเวียง ซึ่งแต่งไว้เมื่อปี พ.ศ.2496 พร้อมกับเพลงอื่นๆ อีกรวม 9 เพลง
แต่เพลงที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักของคนทั่วๆ ไปก็คือเพลงชูชกสองกุมาร ที่สุรพล สมบัติเจริญ ร้องเป็นตัวชูชก
และเป็นผลงานเพลงชุดแรกที่ได้บันทึกแผ่นเสียง "เอกพัน ธันวารชร" บุตรชายของนาย ต.เง็กชวน
เจ้าของแผ่นเสียงตรากระต่ายเขียนเล่าเหตุการณ์ที่น่า สนใจไว้จากหลังซองแผ่นเสียงตรากระต่าย
ในการจัดทำแผ่น เสียงลองเพลย์ เพลงชุดแรกของสุรพล สมบัติเจริญ ไว้ว่า..เมื่อต้นปีหรือกลางปี พ.ศ.2496
ข้าพเจ้า(ผู้เขียน)ได้ติดตามท่านผู้ใหญ่ไปที่กองดุริ ยางค์ทหารอากาศ ในฐานะผู้ทำหน้าที่ฟัง คัดเลือกเพลง
เพื่อนำไปบันทึกเสียงผลิตแผ่นเสียงออกจำหน่ายต่อไป ในการไปคราวนั้น ข้าพเจ้าได้มีโอกาสพบกับชายผู้หนึ่ง
รูปร่างสูงโปร่งสันทัด มีปอยขนที่เม็ดไฝใต้คางข้างซ้ายในระหว่างเวลาพักกลาง วัน
เขาเดินตรงมาหาข้าพเจ้าพร้อมกับแนะนำตัวเอง ระหว่างการสนทนาชายผู้นั้นได้ปรารภขึ้นว่า
"ผมอยากจะร้องเพลงอัดแผ่นเสียงบ้าง แต่ไม่มีใครสนับสนุนช่วยเหลือ..."
ในตอนท้ายของการพบปะกันวันนั้น ชายผู้นั้นได้เอ่ยปากฝากตัวกับข้าพเจ้า
ขอให้ช่วยรับเขาไว้เป็นนักร้องแผ่นเสียงสักคนหนึ่งเถิิด ข้าพเจ้ารับปากกับเขาว่า
ยินดีให้ความสนับสนุนช่วยเหลือเขาอย่างเต็มที่เท่าที ่จะช่วยได้...
     บางครั้งข้าพเจ้าขอให้เขาร้องเพลงที่ถนัดและเพลงที่เ ขาแต่งขึ้นเองให้ข้าพเจ้าฟัง
เพื่อฟังน้ำเสียงและท่วงทีลีลาการร้องของเขาเพื่อเป็นแนวทางพิจารณาต่อไป
เพลงที่เขาร้องให้ข้าพเจ้าฟังเป็นเพลงรำวงเสียเป็นส่วนมาก จะมีบางเพลงที่กระเดียดไปทางเพลงไทยสากลอยู่บ้าง
แต่ก็ไม่เข้ากับลักษณะตามแบบฉบับของเพลง อย่างไรก็ตามจากการได้ฟังเขาร้องเพลงให้ข้าพเจ้าฟัง 2 - 3 ครั้ง
ข้าพเจ้ารู้สึกติดใจในน้ำเสียงของเขา ท่านที่ชอบฟังเพลงและนักเล่นแผ่นเสียงคงจะจำและนึกออกว่า
ในระยะนั้นมีนักร้องผู้หนึ่งมีชื่อเสียงทางร้องเพลงอัดแผ่นเสียงและบนเวทีการแสดง
เพลงที่ร้องส่วนมากเห็นจะเป็นเพลงรำวง เขาผู้นั้นคือ "เบญจมินทร์" ผู้มีเสียงเหน่อๆไม่เหมือนใคร
...ข้าพเจ้าทราบจากปากเขาว่า เขาเคยเป็นคณะกองเชียร์รำวงมาก่อน และแต่งเพลงรำวงได้
...ข้าพเจ้า ได้บอกเขาให้ทราบในวันต่อมาว่า ให้เขาเริ่มคิดแต่งเพลงประเภทรำวงตามที่เขาถนัดได้แล้ว
พร้อมยังแนะนำทางการแต่งเพลงให้เขาด้วยนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขาก็มาขลุกอยู่ที่บ้านข้าพเจ้า
เขาแต่งเพลงด้วยความตั้งอกตั้งใจและอย่างเอาจริงเอาจัง จึงบางวันต้องค้างหลับนอนที่บ้านข้าพเจ้าหลายวันติดต่อกันก็เคยมี
การแต่งเพลงเสร็จแต่ละเพลง บางครั้งก็อาจจะมีการซ้อมกันเสียคราวหนึ่ง โดยที่เขามาแต่ตัวกับสมองสำหรับคิดเพลง
เครื่องไม้เครื่องมือสำหรับที่จะใช้ซ้อมจึงเป็นปัญหา ต้องอาศัยเอาปี๊บน้ำมันมีตีเป็นกลองแทน เอาขวดน้ำใส่ทรายมาเขย่าแทนลูกกะตา
ตลอดจนถ้วย โถ ชาม โอ่ง ไห บรรดามีก็เอามาช่วยกันตีให้เป็นจังหวะรำวง ให้คนของข้าพเจ้าที่บ้านเข้าช่วยด้วย..."
     ในเรื่องการแต่งเพลงนั้นเจนภพ จบกระบวนวรรณ เล่าว่า ครูสุรพล สมบัติเจริญ เขียนโน้ตไม่เป็น
แต่อาศัยจากการร้องด้วยตนเองเป็นหลัก โดยอ้างถึงเรื่องราวที่เอกพล ธันวารชร เล่าเอาไว้ดังนี้ว่า
"เนื่องจากเขาเขียนโน้ตเพลงไม่ได้ การคิดแต่งเพลงใช้วิธีร้องเป็นคำและทำนองเพลงไปตามที ่เขาคิดขึ้นในขณะนั้น ปากร้องไป
มือก็เคาะจังหวะเพลงไป เมื่อได้ประโยคคำร้องและทำนองเพลงตอนหนึ่ง เขาก็จะจดคำร้องนั้นลงบนแผ่นกระดาษ เขาปฏิบัติดังนี้เรื่อยไป
บางครั้งกลับย้อนมาร้องตอนต้นๆ ใหม่ ตรงไหนที่ไม่ถูกใจหรือเห็นว่าไม่ไพเราะ ก็แก้ไขใหม่ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกว่าจะถูกใจเขา"
...เพลงรำวงของเขาเริ่มเข้ารับการบันทึกเสียงเป็นครั้งแรก ในชีวิตงานอัดแผ่นเสียงของเขา เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2496
เพลงน้ำตาลาวเวียงเป็นเพลงแรกของเขาที่เขาขับร้องอัด แผ่นเสียงไว้ในครั้งนั้น
แต่ศิริพร กรอบทอง เขียนเล่าไว้ในหนังสือ วิวัฒนาการเพลงลูกทุ่งในสังคมไทยว่า ครูสุรพล สมบัติเจริญ เคยให้สัมภาษณ์ถึงเพลงแรกที่แต่ง คือเพลงชูชกสองกุมาร ดังนี้
"...เพลงชูชกสองกุมารซึ่งเป็นเพลงแรกของผมสำเร็จขึ้นต อนนั้น สมคบกับเพื่อนช่วยกันใส่ทำนองแล้วนำไปเสนอ ต.เง็กชวน ได้ค่าเหนื่อย 400 บาท..."
ข้อความมาจากบางตอนของ .kulasang.net/webboard

เพลงนี้เด็กชายจ้อยเป็นผู้ขับร้องคู่กันกับสุรพล สมบัติเจริญไม่มีใครทราบชื่อจริง เพียงแต่รู้ว่า เมื่อโตเป็นหนุ่มขึ้นมา
ก็ไปทำมาหากินด้วยการเป็นนักพากย์ภาพยนตร์ตามโรงหนัง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

สำหรับ ด.ช.จ้อย นั้นตอนนี้ทราบชื่อแล้ว มีชื่อจริงว่า “เทวิน ศรีรัตนวิทยา” ปัจจุบันเป็นนักจัดรายกรวิทยุภาพนี้คุณanukunลงไว้ที่yimwhanครับ.


เพลง ชูชกสองกุมาร
ขับร้องโดย สุรพล สมบัติเจริญ+ด.ช.จ้อย(เทวิน ศรีรัตนวิทยา)
คำร้อง-ทำนอง สุรพล สมบัติเจริญ
(บันทึกแผ่นเสียงไว้ในราวเดือนตุลาคม พ.ศ.2496)

[กุมาร] แม่เจ้า โอ้แม่มัทรี
         ลืมอยู่ที่ช่วยปรานี มาช่วยลูกทีแม่คุณทูนหัว
         พ่อสิ้นเอ็นดู ให้หนูไปกับชูชกชั่ว
         เพราะมันมาขอตัว หากแม้นไม่ไปมันก็เฆี่ยนตี
              ปากร้องเรียกหา แม่จ๋าอยู่ไหน
         มาช่วยเร็วไว เพราะหนูกำลังโดนเฆี่ยนตี
         โอ๊ย แม่จ๋า แม่จ๊ะ แม่จ๋าแม่มัทรี
         สิ้นรักแล้วหรือนี่ จึงปล่อยเขาตีหนูแทบตาย
[ชูชก] ชิชะ เจ้าเด็กน้อย อย่าทำสำออย
         เดี๋ยวจะโดนรอยหวาย อื้อ..
*[กุมาร] โอ๊ยโอย แทบว่าจะสิ้นใจตาย
         ลุงจ๋า อย่าทำหนูเลย
         โธ่ ลุงเอ๋ย จงปล่อยหนูไป
[ชูชก] นี่แน่ะ..อื้อไอ้วายร้าย
        เดี๋ยวตีเสียตาย ละยังมาทำสำออย
[กุมาร] โธ่ ลุงจ๋า
          อย่าเตะตีด่า หรือว่าลูกน้อย
          ป่านนี้ แม่หนูคงคอย
          โอ้พ่อผมน้อย จงปล่อยหนูไป
[ชูชก] หนอยแน่ะ ไอ้ตัวดี
         มาว่ากูนี้ หัวล้านได้
         มานี่ อื้อ อื้อ ตีให้ตาย
         จะเอาไว้ไย ไอ้เด็กสันดาน
         จะเอาไว้ไย ไอ้เด็กสันดาน..อื้อ
[กุมาร]  โอ๊ย...
                

[กระต่าย]

เพลง เด็กหลงทาง
ขับร้องโดย สุรพล สมบัติเจริญ+ด.ญ.สุวรรณา รจนานนท์

[ด.ญ] น้าจ๋า โอ้น้าใจดี ที่ยืนอยู่นี่เขาเรียกที่ไหน
[น้า]   โอ้หนูจ๋า ท่าจะมาทางไกล
          แถวนี้คนทั่วไป เขาเรียกกันว่าท่าเตียน
[ด.ญ] น้าจ๋า โอ้น้าใจดี อย่าหาว่าหนูจู้จี้เลยคุณน้าจ๋า
[น้า]   จะถามอะไรละอีกเล่า แม่หลานยา
[ด.ญ] หนูขอถามน้าว่า เขาดินนั้นอยู่ที่ไหน
[น้า]   พิโธ่เอ๊ย หนูนี่เซ่อจริง
[ด.ญ] โธ่หนูอยากดูลิง ดูหมีเหลือใจ
[น้า]   ถ้าอย่างนั้น ละก็ไม่เป็นไร
          น้าจะชี้ทางให้ จงรีบไปนะหลานจ๋า
          เดินไปละจะเจอป้ายรถราง หนูจงระวังมันคับคั่งรถรา
          เดินไปทางวงเวียนกรกฏา แล้วจงเลี้ยวขวาตั้งหน้าเดินไป
            เลี้ยวซ้าย ออกไปอีกนิด
          จะเห็นป้อมโปลิศ เลี้ยวอีกนิดทางซ้าย
          มุ่งตรงไปทางกรมรถไฟ แล้วขึ้นรถเมล์ไปลงที่มัฆวาน
            จากนั้น ละมีร้านก๋วยเตี๋ยว
          หนูคอยประเดี๋ยว เดียวรถจะวิ่งมาพลัน
          พอรถวิ่งจากมัฆวาน ไม่ทันอึดใจก็ถึงบางลำภู
            หนูต้องลงรถอีกหน
          แล้วจงไปถามคน แถวๆนั้นเขาดู
          ไอ้น้าเอง ละก็ไม่ค่อยรู้
          พอถึงบางลำภู แล้วหนูจะถึงเขาดิน
[ด.ญ] ขอบใจ คุณน้าใจดี
        ที่เอื้ออารีย์ บอกหนูจนสิ้น
        เพิ่งจะรู้ว่าบางลำภู อยู่เขาดิน
        อย่าหาว่าหนูดูหมิ่น ลาละค่ะ น้าเฮงซวย...
          

[กระต่าย]

เพลง ผัวหนุ่มเมียแก่
ขับร้องโดย สุรพล สมบัติเจริญ+ศรีสอางค์ ตรีเนตร

[ญ] แหมคุณพี่ วันนี้ทำไมหน้างอ
      เป็นอะไรหรือคะรูปหล่อ ถึงได้หน้างออย่างนี้
      โกรธใครมา หรือว่าใครทำให้ช้ำใจพี่
      โปรดบอกให้น้องทราบที หรือพี่ไม่ค่อยสบาย
[ช] ฮื่อ..ยังมาทำหน้าทำตาฉงน บอกกี่ครั้งกี่หน แล้วว่าอย่าทำให้ขัดใจ
[ญ] โถ ก็บอกน้องนิดซิ ว่าน้องนี้ทำผิดอะไร
[ช] อ๋อ..ไม่ทราบซิยะตุณนาย ว่าโทษเธอเหลือประมาณ
[ญ] โถ คุณพี่ค่อยพุดค่อยจาซิคะ
[ช] โธ่ บอกว่าหยุดนะ แหมเดี๋ยวก็จะตบให้หน้าตาหัน
[ญ] อ้าว ก็บอกมาซิ ว่าน้องนี้ผิดอะไรกัน
      ยังพอแก้ไขได้ทัน..(ช)..ยังกะเซ้ากะซี้อยู่ได้
      มิใช่ว่ามันจะสาย..คุณพี่ขา เป็นอะไรไปคะ ถึงหน้างออย่างนี้น่ะ
[ช] อ๋อ นี่ฉันบอกกะเธอตรงๆนะ ว่าทุกวันนี้ฉันไม่อยากจะมองหน้าเธอเลยอ่ะ
[ญ] อ้าว ก็มันเรื่องอะไรล่ะคะ ก็บอกให้รู้ซี่
[ช] โถ ก็กินอยู่กะปากอยากอยู่กะท้อง ยังจะไม่รู้อีกนี่
[ญ] อ๋อ นี่หมายความว่า น้องน่ะนอกใจคุณพี่เหรอคะ
[ช] โธ่ เธอน่ะทุกวันเนี๊ยะ เธอซื่อสัตย์ต่อฉัน
     ฉันรู้ว่าเธอน่ะยังไง แต่ว่าเธอทำอะไรให้ฉันไม่พอใจ
[ญ] อ๋อ ไม่พอใจน่ะ ก็เพราะว่าน้องน่ะมันแก่แล้วใช่ไหมคะ
[ช] อ๋อ ยิ่งแก่ซี่ เธอควรจะรู้ว่าเธอทำอะไรให้ได้อีก เหอ
[ญ] ก็มันเรื่องอะไร ก็บอกซิคะ
[ช] เมื่อเย็นวาน เธอแกงอะไรในหม้อ เฮ้อะ
[ญ] อ๋อ เมื่อเย็นวานเหรอคะ อ๋อน้องทำแกงเผ็ดอ้าปลาไหลอ่ะ
[ช] อ๋อ ไม่รู้หรือ ว่าพี่นี้เกลียดจะตาย บอกว่าไม่ค่อยสบาย แล้วยังไม่วายจะแกง
     แล้วตอนเช้า เฮ่อะยังต้มเจ้าหูฉลาม
[ญ] เฮ่อะ เป็นอะไรหรือคะรูปงาม
[ช] ก็หูฉลามซิมันแสลง หมอเขาห้ามว่าพี่นี้เป็นโรคตาแดง
     ถูกคาวฉลามแรงๆ ไม่ช้าก็อาจตาเข
[ญ] อ๋อ น้องขอโทษ พี่ขาอย่าโกรธเลยนะ..(ช)เฮ่อะ ไม่ยอมอ่ะ..
      ตั้งแต่วันนี้ น้องจะไม่ขอทำอีกเจ้าของทะเล
[ช] นั่นแหละจำเอาไว้ซี่
[ญ] แต่วันนี้ น้องขอบอกข่าวดีคือเชื่อมสาเก
[ช] โอ๊ย ไม่เอาแล้วย่ะ โนเค สาเกนั่นแหละพวกเดียวกัน
[ญ] สาเกไม่ชอบรับประทานหรือคะคุณพี่ขา
[ช] โถ เธอทานคนเดียวก็พอแล้ว ยายแก่...
 

[กระต่าย]

เพลง คลั่งเกาหลี
ขับร้องโดย สุรพล สมบัติเจริญ
คำร้อง-ทำนอง สุรพล สมบัติเจริญ

    ยามเมื่ออยู่ห่างเธอ ฉันฝันละเมอถึงเธอไม่วาย
อยากจะผูกคอตาย ที่บนยอดไม้วันละหลายๆครั้ง
แต่ก็มาครวญคิด เสียดายชีวิตไม่นาผิดหวัง
แม่อาริดังๆๆ เธอหนอช่างใจดำ
     ตั้งแต่จากเกาหลี มาถึงเมืองไทยพี่ผ่ายผอม
สุดระทมตรมตรอม คิดถึงน้องนางครั้งอยู่เกาหลี
พี่ต้องทนเงียบเหงา ทั้งเย็นและเช้าแสนเบื่อเต็มที
ยามจะกินยามจะกินไม่ได้นอน
ยามจะนอนยามจะนอนไม่ได้กิน กินได้ก็ไม่กี่ชาม
     ยามจะหลับจะนอน เห็นภาพของเธอมาหลอนอยู่ไม่วาย
ตื่นขึ้นก็ใจหาย ภาพเธอหายไปฉันไล่ไขว่คว้า
เฝ้าตะโกนกู่ร้องเรียกหา น้องเอยน้องโปรดเมตตา
มาซิมา มาซิมา มาซิมา มาซิมา มาซิมา มาซิมา มารักคนไทย
     หากได้เธอมาเคียง ร่วมหมอนนอนเตียงพี่คงสุขโข
ถึงพี่จะหัวโต ผอมโซเพราะน้อง พี่ไม่หวั่นไหว
จะประคองกอดน้อง ทุกคืนทุกวันมิห่างไปไหน
คืนทั้งคืนวันทั้งวันพี่มิยอม ให้เนื้อหอมต้องจากพี่ไป
ขอเพียงให้อยู่ใกล้เธอ...
 
------------------------------------------------------

คุณ16POPเอาเนื้อเพลง เพ้อภาพฝัน มาฝากครับ.
เพลงนี้เป็นเพลงต้นแบบของเพลง เสียงเรียกจากหนุ่มไทย

เพลง เพ้อภาพฝัน
ขับร้องโดย สุรพล สมบัติเจริญ
คำร้อง-ทำนอง สุรพล สมบัติเจริญ

    ยามเมื่ออยู่ห่างเธอ ฉันฝันละเมอถึงเธอไม่วาย
อยากจะผูกคอตาย ที่บนยอดไม้วันละหลายๆครั้ง
แต่ก็มาครวญคิด เสียดายชีวิตไม่นาผิดหวัง
กลุ้มเสียจริง โอ้ยอดหญิงมาชิงชัง
กลุ้มเสียจัง คนรักเมินห่างเหินไกล
น้องเอย ช่างไม่ปราณี
     ตั้งแต่จากพรากกัน คืนวันนั้นมาพี่ผ่ายผอม
สุดระทมตรมตรอม คิดถึงน้องนางแสนเศร้าฤดี
พี่ต้องทนเงียบเหงา ทั้งเย็นและเช้าแสนเบื่อเต็มที
คอยนับวัน คอยนับเดือนคอยนับปี
ทนระทม ตรมฤทัยเพื่อนเขามี
คอยน้องของพี่กลับมา
     ยามจะหลับจะนอน เห็นภาพของเธอมาหลอนอยู่ไม่วาย
ตื่นขึ้นก็ใจหาย ภาพเธอหายไปฉันไล่ไขว่คว้า
เฝ้าตะโกนกู่ร้อง เรียกนางน้องเอยน้องโปรดเมตตา
มาซิมา มาซิมา มาซิมา มาซิมา มาซิมา มาซิมา
กลับมาเสียเถิดดวงใจ
     หากได้เธอมาเคียง ร่วมหมอนนอนเตียงพี่คงสุขโข
ถึงพี่จะหัวโต ผอมโซเพราะน้องพี่ไม่หวั่นไหว
จะประคองกอดน้อง ทุกคืนทุกวันไม่ห่างไปไหน
วันทั้งวันคืนทั้งคืนพี่มิยอม ให้เนื้อหอมต้องพลัดพรากจากพี่ไป
ขอเพียงละให้อยู่ใกล้เธอ...
 
ุ-----------------------------------------------------

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=8OQ49F3hJ2w" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=8OQ49F3hJ2w</a>

เพลง เสียงเรียกจากหนุ่มไทย
ขับร้อง สุรพล สมบัติเจริญ
คำร้อง-ทำนอง สุรพล สมบัติเจริญ
 
ยามเมื่ออยู่ห่างเธอ ฉันนอนละเมอ ถึงเธอไม่วาย
อยากจะผูกคอตาย ที่บนยอดไม้ วันละหลายๆครั้ง
ตั้งแต่พี่ไปรบ พบเธอครั้งโน้น เหมือนถูกมนต์ขลัง
กลับมานอนละเมอ เพ้อเสียจนจิตพะวัง
นึกถึงความหลัง คราครั้งเราร่วมรักกัน
อยู่ที่แดน แคว้นแห่งเวียดนาม

ตั้งแต่จากเวียดนาม มาถึงเมืองไทยพี่ผ่ายผอม
สุดระทมตรมตรอม คิดถึงโฉมยงค์ ทุกชั่วโมงยาม
พี่ต้องทนเงียบเหงา ทั้งเย็นและเช้า ดวงจิตวาบหวาม
วันทั้งวัน คืนทั้งคืนยามจะนอน
อาวรณ์เพ้อครวญ ถึงแม่สาวเวียดนาม
คนงาม ของทหารหนุ่มไทย

หากได้เธอมาเคียง ร่วมหมอนนอนเตียงพี่คงสุขโข
ถึงพี่จะหัวโต ผอมโซเพราะน้องพี่ไม่หวั่นไหว
จะประคองกอดน้อง ทุกคืนทุกวันมิห่างไปไหน
วันทั้งวัน คืนทั้งคืนพี่มิยอม
ให้เนื้อหอม ต้องพลัดพรากจากพี่ไป
ขอเพียง ให้อยู่ใกล้เธอ...
                       

[กระต่าย]

เพลง น้ำตาพ่อตก-จังหวะสโลว์
ขับร้องโดย สุรพล สมบัติเจริญ
คำร้อง-ทำนอง ไพบูลย์ บุตรขัน
วงดนตรี  สุรพล สมบัติเจริญ - แผ่นเสียงตราดอนเจดีย์

     นี่หรือกรุงเทพ นครเทวา
ที่ข้าส่งลูกมาศึกษา เพื่อหาวิชาไว้ใส่ตัว
นี่หรือเมืองหลวง ทำไมมันลวงลูกชายข้าชั่ว
มันลืมกลิ่นโคลนสาปควายสาปงัว ลืมทั้งพ่อตัวที่อุ้มมันมา
     พ่อหรืออุตส่าห์ ยอมทรมาน
สู้ตะเกียกตะกายปีนตาล เพื่อหวังน้ำหวานให้ได้มา
เคี่ยวตาลไปขาย เอาเงินกำไรส่งมาหวังว่า
ลูกคงจะเรียนท่องดูตำรา ยากจนไม่ว่าขอให้ลูกดี
     พ่อปีนต้นตาลทุกวัน หัวใจพ่อฝันไปว่า
ลูกพ่อเป็นนักศึกษา คงได้ปริญญาปีนี้
จดหมายเจ้ามีไปถึงพ่อ ว่าเงินไม่พอใช้จ่าย
พ่อต้องขายงัวขายควาย ส่งเงินมาให้ทุกที
เลิกทำนาไร่ไถหว่าน มาปีนต้นตาลดีกว่า
ถึงต้นตาลสูงเสียบฟ้า แหงนคอตั้งบ่าไม่มี
เหงื่อไหลไคลย้อย พ่อยอมทุกข์กายผ่ายผอมพ่อทน
ขึ้นชื่อว่าพ่อทุกคน ลำบากเพื่อลูกยอมพลี
ลูกเอ๋ยมาเป็นไปได้ พอพบกลิ่นไอเมืองหลวง
เลยหลงเข้าบ่วงสวาท ชีวิตผิดพลาดคราวนี้
พ่อคิดถึงเจ้าพ่อจึงมาหา โอ้อนิจจาใจหาย
กลับเห็นพ่อเป็นงัวควาย เพียงเพราะเจ้าอายนารี
คิดแล้วน้ำตาพ่อตกใน เหมือนถูกเขาไล่ทุบตี
เพราะลูกทรพี มาคิดเนรคุณ
     เด็กเอ๋ย จงอย่าจดจำเอาไป
นี่แหละคือบทเรียนเลวไซร้ นรกจะกินจนสิ้นบุญ
พ่อเปรียบดังพระ ลูกยังเลวทรามประณามเสียวุ่น
ลืมคุณพ่อเคยโอบเอื้อเจือจุน คิดเนรคุณเขาว่า..คนเลว...
 

[nipon]

            มาร์ชสุรพล
ขับร้อง สมาชิกวงสุรพล สมบัติเจริญ
คำร้อง-ทำนอง สุรพล สมบัติเจริญ
            จังหวะมาร์ช

(ร้องหมู่) เราเหล่าขบวนนักร้องทั้งหญิงและชาย ขอตั้งใจให้คำสัจจามั่น
           ว่าจะร่วมแรงร่วมใจสมัครสมาน ขอบันเทิงสนองท่านด้วยความมานะ
(ร้องหมู่) เราจะสู้ยอมพร้อมใจด้วยกันทั้งหมู่ ขอพลีกายใจสู้เพื่อศิลปะ
           ว่าจะไม่ยอมพ่ายแพ้แก่ความมานะ ขอเป็นทาสผู้เสียสละเพื่อประชาชน
   (ชาย) อดทนแม้เราจะเหนื่อย....เมื่อยล้าสักแค่ไหนไม่หวั่นไหว ขอฝากแต่ความดี
   (หญิง) อยู่บนเวทีไม่มีคลาย ตราบจนชีพ.....สลาย......ก็ตาม
(ร้องหมู่) เมื่อชาติต้องการทหาร เราก็เป็นได้ ร่วมแรงร่วมใจ สละในยามสงคราม
           ยามชาติเตรียมพร้อม เราก็ต้องพร้อมทำตาม เสร็จสิ้นสงครามเราก็เป็นศิลปิน
                                  
           .................................................................

[กระต่าย]

เพลงที่มีเนื้อร้องแนวเดียวกันแต่เปลี่ยนเนื้อบางตอน มีอยู่3เพลง  เพ้อภาพฝัน คลั่งเกาหลี เสียงเรียกหนุ่มไทย
ที่ไม่ทราบชัดก็คือ เพลง เพ้อภาพฝัน คลั่งเกาหลี เพลงไหนแต่งก่อนกัน เลยยังไม่แน่ใจว่าเพลงไหนเป็นฉบับแรก.

เพลง เชียงใหม่ในฝัน
ขับร้องโดย สุรพล สมบัติเจริญ
คำร้อง-ทำนอง สุรพล สมบัติเจริญ

    โอ้เวียงพิงค์ แคว้นแห่งเมืองเหนือ
มีธรรมชาติงามเหลือ กว่าที่ได้เห็นๆมา
ถึงเป็นเมืองเหนือ มิใช่จะดูเหมือนป่า
กลับดูคล้ายดังว่า วิมานสวยเลิศเพริดแพร้ว
     เท่ากับพบ ช้างเผือกในดอย
ที่มีความงามเลิศลอย ประดับเวียงฟ้าเวียงแก้ว
ไม่เคยนึกฝัน ว่าใจจะมาฝังแน่ว
ยิ่งมาเห็นห้วยแก้ว แล้วพาตันตื้นใจ
***ดอยสุเทพ เห็นดุ่มเป็นทาง
อีกทั้งน้ำตกแม่กลาง ก็งามน้อยเสียเมื่อไหร่
เห็นแม่ปิง แล้วยิ่งสุขใจ
งามแต๊หนอเชียงใหม่ โอ้แดนนิยายในฝัน
     โอ้เวียงพิงค์ แคว้นแห่งแดนนี้
คงเป็นเหมือนรอยสักขี พยานจารึกไว้มั่น
ไม่ผิดโซ่ทอง ที่คล้องเหนี่ยวความสัมพันธ์
จากไปแล้วหรือนั่น คงฝันเห็นแต่เวียงพิงค์...
 

[กระต่าย]

แผ่นครั่งตรานาคราช  ดนตรี สำเนียง ม่วงทอง จังหวะ โบเล่โร่

เพลง ลาแล้วเอื้องดอย
ขับร้องโดย สุรพล สมบัติเจริญ
คำร้อง-ทำนอง สุรพล สมบัติเจริญ

    ฟ้ารุ่งสางลาง เลือนเห็นดวงเดือนลับทิวไผ่
เป็นสัญญาเตือนให้ จะถึงวันใหม่อีกในไม่ช้า
ตื่นเถิดที่รัก ตื่นจากห้วงนิทรา
ฟังเพลงพี่นี้อำลา สักหน่อยเถิดหนาแม่เอื้องเวียงดอย
     ขอจากขวัญใจ แม่นางแดนไพรไปก่อน
ลาแล้วแม่ขวัญอ่อน เพราะบุญชาติก่อนที่สร้างมันน้อย
จึงไม่ได้ชมเอื้องงาม ที่สวยเลิศลอย
เพราะเจ้าอยู่ถึงบนดอย สุดมือเอื้อมสอยมาชื่นชม
     ชาติหน้ามีจริง ขอให้ฟ้าโปรดปราณี
เอื้องจ๋าจงเป็นของพี่ ด้วยบุญหนุนนำอุ้มสม
อย่าได้จากกัน กระทั่งเรานั้นสิ้นลม
ตราบฟ้าและดินถล่ม ตราบร่างเราจมเป็นเถ้าถ่านไป
     ฟ้ารุ่งแสงมา เหมือนเร่งเวลาให้สว่าง
เอื้องเอ๋ยพี่ต้องจำห่าง ร้างแรมจากเจ้าไปแล้วขวัญใจ
บุญพี่มีน้อย ถึงต้องจากน้องไปไกล
ลาแล้วเอื้องดอยแดนไพร ตราบชีพสลายไม่ลืมเจ้าเลย...
 

[กระต่าย]

เพลง ลาวชมดง
ขับร้องโดย สุรพล สมบัติเจริญ
คำร้อง-ทำนอง สุรพล สมบัติเจริญ

***ห้วยป่าเขา
ถิ่นลำเนา เว้าสาวเมืองเหนือ
เบิ่งธรรมชาติ บ่เบื่อ
เว้าสาวเมืองเหนือ ยามเมื่อข้อยได้มา
     หมู่ไม้ ยืนเรียงต้น
ยามข้อยเบิ่ง บ่เบื่อตา
กล้วยไม้ป่าซื่นซม ซื่นซม
ซื่นซม เมื่อยามที่ข้อยได้มา
     เก็บลั่นทม ละฮ้อยเป็นมาลัย
เก็บเอาไป ล้วนแต่กล้วยไม้ป่า
โน่นดอกคัดเค้า ละนั่นดอกกระดังงา
เพิ่นไม้ป่า เก็บไปให้น้องเอย
     ซ่วยกันฮ้อย เป็นพวงมาลัย
เจ้าอย่าลืมอ้าย ละเด้อ
บ่าวพี่ชาย บ่ลืมเลย
บ่าวพี่ชาย บ่ลืมเลย...
 

[กระต่าย]

เพลง มาช่วยกันผลาญ
ขับร้องโดย สุรพล สมบัติเจริญ
คำร้อง-ทำนอง สุรพล สมบัติเจริญ

[ลูกคู่]..โอ้แม่พวงสุมาลี มาลีของพี่เอ๋ย
โอ้แม่พวงสุมาลี มาลีของพี่เอย
อย่าเพิ่งหนี พี่ไปเลย
น้องเอ๋ย สมบัติเรายังมีถมไป
     เพชรทอง เราก็เต็มบ้าน
เงินเรามีเป็นล้าน ใช้ไม่หวาดไหว
[ลูกคู่]..เพชรทอง เราก็เต็มบ้าน
เงินเรามีเป็นล้าน ใช้ไม่หวาดไหว
กลับมาช่วยกันผลาญ ให้บรรลัย
พอสมบัติวอดวาย แล้วค่อยไปจากกัน
     อย่าโกรธเคือง เรื่องหัวใจเดาะ
นั่นมันเหตุจำเพาะ เข้ามาพัวพัน
[ลูกคู่]..อย่าโกรธเคือง เรื่องหัวใจเดาะ  
นั่นมันเหตุจำเพาะ เข้ามาพัวพัน
พี่เจ้าชู้หน่อยเดียว มาพาลเฮี้ยวเลิกกัน
แล้วสมบัติเป็นล้าน จะทำยังไง
[ลูกคู่]..โอ้แม่พวงสุมาลี มาลีของพี่เอ๋ย
โอ้แม่พวงสุมาลี มาลีของพี่เอย
อย่าเพิ่งหนีพี่ไปเลย
น้องเอ๋ย คืนเหย้าก็ลูกเต้าเรายังมี
     อายุเรา มันก็เข้าขั้น
แล้วจะอยู่ไปนาน ได้สักกี่ปี
[ลูกคู่]..อายุเรา มันก็เข้าขั้น
แล้วจะอยู่ไปนาน ได้สักกี่ปี
เรามาช่วยกันผลาญ เสียก่อนซี
พอเราตายเป็นผี สะบายใจ
     กลับมา เถิดนะพุ่มพวง
แล้วพี่จะให้นุ่งม่วง และนุ่งไหม
[ลูกคู่]..กลับมา เถิดนะพุ่มพวง
แล้วพี่จะให้นุ่งม่วง และนุ่งไหม
ส่วนตัวพี่ ไม่เป็นไร
เหลือเพียงกางเกงใน ไว้ตัวเดียวก็พอ
[ลูกคู่]..โอ้แม่พวงสุมาลี มาลีของพี่เอ๋ย
โอ้แม่พวงสุมาลี มาลีของพี่เอย
อย่าเพิ่งหนีพี่ไปเลย
น้องเอ๋ย สมบัติเรายังมีถมไป...
 

[กระต่าย]

เพลง ผ่าไฟแดง-จังหวะรำวง
ขับร้องโดย สุรพล สมบัติเจริญ
คำร้อง-ทำนอง สุรพล สมบัติเจริญ
วงดนตรี สุรพล สมบัติเจริญ - แผ่นเสียงตราช้างสามเศียร

     ก้าวหน้า เสียจริงเมืองไทย
มองทางไหน เหมือนดังเมืองสวรรค์
ตึกและบ้านสวยหรู มองดูเป็นเชิงช่อชั้น
โรงหนังโรงละคร แลสลอนเรียงกัน
นี่แหละเมืองสวรรค์ ของกรุงเทพราตรี
     โน่นแน่ะ จราจรหญิง
แต่งตัวสวยพริ้ง งามดี
อยู่บ้าน เธอเป็นแม่ศรีเรือน
ออกจากบ้าน เธอเหมือนชายชาตรี
แต่งตัวรัดกุม ทะมัดทะแมงสวยดี
รถเมล์รถแท๊กซี่ ยังต้องเหลือบแลมอง
***พี่เจอะ พี่ก็ยังงวยงง
บอกตรงๆ ว่าพี่อยากขอร้อง
หากพี่ผิดวันไหน โปรดอภัยให้พี่บ้างเถิดน้อง
อย่าจับนักเลย แม่คุณเอ๋ยควรตรอง
เพราะใบสั่งของน้อง มันทำให้พี่เสียเงิน
     น่ารัก เสียจริงน้องสาว
เห็นเจ้า แล้วพี่ต้องมองเพลิน
หุ่นเจ้าคมขำดี ทำหน้าที่แหมน่าสรรเสริญ
ขี่มอร์เตอร์ไซด์ ดูวิไลเหลือเกิน
เล่นเอาพี่มองเพลิน จนวิ่งผ่าาไฟแดง...
 
    

[กระต่าย]

เพลง เสียงกระซิบจากอิศวร
ขับร้องโดย สุรพล สมบัติเจริญ
คำร้อง-ทำนอง สุรพล สมบัติเจริญ

     ผมนี้เป็นใหญ่ เหนือเทวดา
อยู่บนวิมานชั้นฟ้า ปกครองเทวาให้สุขสบาย
ผมครองตำแหน่ง จอมเทพแห่งผู้ยิ่งใหญ่
ปกครองพวกเทวดาทั่วไป ให้ได้รับความสุขสำราญ
     ผมเป็นหัวหน้าเทวดา ตำแหน่งมีค่ายิ่งนัก
ไม่ว่าใครๆรู้จัก เรียกผมพระอินทร์กันทั้งนั้น
ผมมีนิสัยซื่อตรง ไม่ชอบคนโกงคนกิน
พูดถึงเรื่องเหล้าเรื่องฝิ่น ผมไม่เคยกินละทั้งนั้น
ผมเป็นเจ้าเมืองบนฟ้า ปกครองเทวามากมาย
ต้องคอยอบรมนิสัย พวกเทวดาทุกวัน
ไม่ชอบประจบสอพลอ ไม่ชอบให้ใครคลอเคลีย
ถึงแม้จะมีคนเลีย ผมไม่ซูเอี๋ยละทั้งนั้น
ต้องคอยดูแลทุกอย่าง ไม่ว่าคนไหนทำผิด
ต้องปราบกันให้ใกล้ชิด โดยเฉพาะพวกคอรัปชั่น
พวกเทวดาพวกนี้ ชอบทำนาบนหลังคน
ต้องปราบกันเสียให้ป่น ไม่งั้นแล้วกินกันสะบั้น
อีกทั้งเทวดาชีกอ ไม่ว่าลูกเขาเมียใคร
ไม่มีหางเป็นใช้ได้ พ่อจีบมันดะไปทั้งนั้น
พวกเทวดาพวกนี้ ต้องปราบกันเสียให้สิ้น
ต้องให้มันปีนต้นงิ้ว แล้วเอาหอกสวนก้นมัน
ต้องคอยสำรวจบนฟ้า ว่าเทวดาองค์ไหน
ที่ชอบกินอิฐกินทราย เพราะกินละไม่เหมือนชาวบ้าน
ผมเป็นเจ้าเมืองบนฟ้า เคี่ยวเข็ญเทวดาให้ดี
แต่วันนี้มาเมืองมนุษย์ เพื่อจะพบปะกับท่าน
ได้ข่าวว่าเมืองมนุษย์ นั้นยังมีคนทำชั่ว
ไม่เคยคิดกลัวเรื่องบาป มีแต่จะโกงกันทั้งนั้น
จึงอยากจะเตือนพี่น้อง ที่อยู่ในเมืองมนุษย์
หมั่นสร้างความดีให้ถึงที่สุด จะได้ไปผุดบนสวรรค์
อย่าได้แก่งแย่งชิงดี แบ่งพวกแบ่งสีกันเลย
ไม่ช้าหรอกนะท่านเอ๋ย เราก็ต้องตายกันทั้งนั้น
อย่านึกว่ามียศถา นั่งบนสภาทำโก้
วางกามภูมิฐานใหญ่โต ชูคอบนเก๋งโอฬาร
แต่แท้ที่จริงเบื้องหลัง นั่นทำในทางที่ผิด
จึงอยากจะเตือนสักนิด เพือนสติของท่าน
เดี๋ยวจะต้องไปใช้หนี้ ในอเวจีโลกันต์...
 

[กระต่าย]

เพลง มะเหมี่ยวสวดมนต์
ขับร้องโดย สุรพล สมบัติเจริญ

     เมื่อมะเหมี่ยว หาชุดจุดเทียนไข
ยกขึ้นไว้ตรงหน้า [บักโกละหย่า บักโกละหย่า หย่าเล]
ก่อนนอนค่ำคืนนั่งสวดมนต์ ด้วยกุศลของข้า [เหล่ เล เล้ เล เล เหล่]
โลกนี้อนิจจังวะตะสังขารา ตั้งนะโมโกละช่า
อะระหังสัมมาสัมพุทโธ กุสะลาธัมมาปลาท่องโก๋
เวียนมาหาทุคคะโตทุคคะถานัง ทุคคะตึงทุคคะถาโน
ทุกข์ไม่มีสตังค์ ทุกข์จนหัวโต
     เมื่อเสร็จากสวดมนต์ บ่นคาถา
แล้ววางท่าให้โก้ [บักโกละหย่า บักโกละหย่า หย่าเล]
ดับเทียนแล้วค่อยมองย่องขึ้นเตียง ได้ยินเสียงโบเลโร่ [เหล่ เล เล้ เล เล เหล่]
จะล้มตัวนอน คว้าเอาหมอนใบโต
มะเหมี่ยวโค้งยงโย่ ใครเอาหมอนใบโตข้าไป
เอามือคลำซอกซอนยอนเข้าใน เอ๊ะนี่มันขาของใครบนหัวนอน
นั่งยองๆจ้องไปใจอาวรณ์ อ๋อนี่มันขางามงอนเมียข้าเอง...
     

[กระต่าย]

เพลง พระรามต้องโทษ
ขับร้องโดย สุรพล สมบัติเจริญ
คำร้อง-ทำนอง สุรพล สมบัติเจริญ

***เมื่อคืน ผมฝันประหลาด
แหมน่าอนาถ ไม่นึกเลยว่าจะฝัน
คือพระราม ไปทำศึกกับทศกณฑ์
พอยิงด้วยเกาทัณฑ์ ก็ดันไปโดนเอาโจโฉ
     โจโฉ โมโหตัวสั่น
พอถูกลูกเกาทัณฑ์ ก็แหกปากร้องโฮ
หาว่าพระราม เป็นนักเลงโต
จึงนำความไปฟ้องUNO ให้ตัดสินลงโทษอาญา
     UNO พอได้รับคำฟ้องพลัน
จึงเรียกหนุมาน ให้ไปตามพระรามมา
หวังจะตัดสิน ลงโทษอาญา
เพราะทำผิดกติกา ต่อหน้าคนทั้งปวง
     หนุมาน ไม่ทันรู้ตัว
เพราะมัว ไปจับจิ้งหรีดสนามหลวง
พอรู้เรื่อง ถึงกับน้ำตาร่วง
ห่วงก็ห่วง เพราะกลัวพระรามจะติดตาราง
     พอพระราม รู้เรื่องข่าวร้าย
ตกกะใจ เพราะกลัวจะถูกขัง
แทบเป็นลม ทำทะเล่อทะลัง
คราวนี้คงมีหวัง เสวยตารางยี่สิบปี...