ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
มีนาคม 19, 2024, 11:25:01 AM

 


  หน้าแรก  • ช่วยเหลือ  • ค้นหา  • เข้าสู่ระบบ  • สมัครสมาชิก



สถานีวิทยุออนไลน์
สายสัมพันธ์





ท่านสามารถขอเพลงฟังได้
ที่กล่องขอเพลงด้านซ้ายมือ
แต่อาจไม่ได้รับฟังทุกเพลง
เนื่องจากจะรองรับเพลงตามขอ
ของสมาชิกภายในก่อน
หน้า: 1 [2]
 
ผู้เขียน หัวข้อ: เลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci 1452 – 1519 )  (อ่าน 38408 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
tanay2507
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 5543
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1931
สมาชิก ID: 27


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 35 : Exp 73%
HP: 0%


เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: มีนาคม 23, 2011, 12:48:25 PM »



ชื่อภาพ - Lady with an Ermine
จิตรกร - Leonardo da Vinci
1489-90
ขนาด, 21 3/8 x 15 3/4 in., 54.8 x 40.3 cm
Krakow, Czartoryski Collection


      Cecilia Gallerani สนมคนโปรดของเจ้าเมืองมิลาน ในภาพ เธออุ้มตัวเออร์มินขนนุ่มไว้ในอ้อมแขน สัตว์ชนิดนี้เป็นหนึ่งในตราประจำตระกูลของโลโดวิโค แต่เนื่องจากภาพนี้มีร่องรอยการระบายสีซ้ำบางแห่ง จึงทำให้เกิดข้อกังขาว่า ภาพนี้อาจไม่ใช่ผลงานของเลโอนาร์โด ทว่าหลักฐานเด่นที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือ ท่าเอี้ยวตัวของเออร์มิน และการเกลี่ยน้ำหนักแสงเงาอันประณีตที่มืออันบอบบาง ซึ่งเป็นแบบอย่างการวาดที่เลโอนาร์โด ได้รับอิทธิพลมาจากอาจารย์ของเขา คือ เวอรอคคิโอ อีกต่อหนึ่ง
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
tanay2507
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 5543
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1931
สมาชิก ID: 27


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 35 : Exp 73%
HP: 0%


เว็บไซต์
« ตอบ #16 เมื่อ: มีนาคม 23, 2011, 01:02:24 PM »


ชื่อภาพ : Last supper
จิตรกร : Leonardo da Vinci
ปี : 1494-1498

      ผลงานจิตรกรรมของเลโอนาร์โดชิ้นสำคัญในระยะเวลาต่อมาขณะทำงานกับดยุคแห่งมิลาน เขาได้วาด ภาพจิตรกรรมฝาผนังอันเลื่องลือไว้ที่ผนังโบสถ์วัดซานตา มารีอา เดลเล กราซี ในเมืองมิลานเมื่อปี ค.ศ. 1495 ภาพนี้มีชื่อเรียกเป็นที่รู้จักกันว่า “อาหารเย็นมื้อสุดท้าย” โดยนำเอาเรื่องราวจากเหตุการณ์สำคัญ ในคริสต์ประวัติ แสดงถึงพระเยซูกับเหล่าสาวกสิบสองคนกำลังรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน ก่อนที่ พระองค์จะถูกทหารโรมันจับกุมตัวไปลงโทษตรึงกางเขน เลโอนาร์โอจัดวางองค์ประกอบของภาพ อย่างง่ายบริสุทธิ์ มีโต๊ะอาหารยาววางขวางขนานเต็มภาพ พระเยซูประทับนั่งอยู่กลาง แวดล้อมด้วย เหล่าสาวก เลโอนาร์โดได้สร้างให้พระเยซูมีพระพักตร์สงบเงียบฉายแววแห่งความเมตตา พระหัตถ์ทั้งสอง ข้างวางแบอยู่บนโต๊ะอาหาร ทำให้บังเกิดเส้นรอบนอกของพระเยซูคล้ายกับอยู่ภายในกรอบสามเหลี่ยม ปิรามิด ช่วยเน้นให้ภาพดูมีอารมณ์นิ่งแน่วแน่และมั่นคง เบื้องหลังของพระองค์เป็นหน้าต่างสามช่อง เปิดรับแสงสว่างเต็มที่ ข่มร่างของพระองค์ให้ดูพร่าสลัว เสมือนอยู่ในบรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งกว่านั้น แสงสว่างจากหน้าต่างยังทำหน้าที่คล้ายกับแสงศริประภาอีกด้วย ในคริสตประวัติได้กล่าวว่า พระเยซู ทรงรู้แจ้งถึงประพฤติกรรมของสาวกผู้นำความลับไปแจ้งให้ทหารโรมันมาจับ พระองค์ไป ดังนั้นจึงตรัสว่า “....แน่นอน ฉันอยากจะบอกแก่พวกท่านทั้งหลายว่า คนใดคนหนึ่งในหมู่ท่านนี้แหละจะทรยศต่อฉัน....” เลโอนาร์โดได้จัดภาพเหล่าสาวกให้เข้ากับบรรยากาศอันตรึงเครียดนี้ โดยให้แต่ละคนแสดงอากัปกิริยา เคลื่อนไหว มีการจับกลุ่มหันหน้าปรึกษาหารือกันทั้งหมด 4 กลุ่มด้วยกัน แต่ละคนแสดงท่าทางแตกต่าง ไม่ซ้ำแบบกัน แต่ก็แลดูประสานหมุนเวียนประสานสัมพันธ์เป็นเรื่องราวที่เป็นเอกภาพเดียวกัน ทั้งหมด บนใบหน้าของสาวกต่างละองค์แสดงอารมณ์รู้สึกนานาประการ มีที่ทั้งตื่นตระหนก สงสัย หรือแวว อันโกรธแค้น ดังเช่น สีหน้าของเซนต์ปีเตอร์เต็มไปด้วยความขึ้งโกรธ ส่วนเซนต์จอห์น แฝงแววความเมตตา และจูดาห์สาวกทรยศแสดงท่าทีของคนเจ้าเล่ห์ผู้วางมาดเมินเฉย ทำท่าเป็นทองไม่รู้ร้อน หันหน้ามองไปทาง พระเยซู ยกศอกขวาค้ำบนโต๊ะอาหารในมือกุมถุงเงิน ส่วนมือซ้ายยื่นไปทางพระเยซู แสดงท่าคล้ายกับยืนยัน ความบริสุทธ์ของตน ก่อนจะลงมือวาดภาพนี้ลงบนผนัง เลโอนาร์โดได้ใช้เวลาทุ่มเทศึกษาท่าทาง การแสดงออกของสาวกแต่ละคนมาอย่างดี อีกทั้งยังค้นคว้าตีความในพระคัมภีร์อย่างถี่ถ้วน เขาต้อง ตระเตรียมและร่างรูปสาวกแต่ละคนอย่างละเอียด ให้ได้ความงามทางศิลปะกับความจริงตามพระคัมภีร์ เขาได้บันทึกไว้ว่า “จิตรกรที่ดีมีเรื่องใหญ่สองเรื่องที่ต้องคำนึง คือ เรื่องของมนุษย์และความปรารถนา ภายในวิญญาณของจิตรกรเอง เรื่องแรกนั้นเป็นของง่าย แต่ เรื่องหลังเป็นของยาก เพราะมันต้องแสดง ออกทั้งทางอารมณ์และความช่ำชองของฝีมือ...งานจิตรกรรมที่ดีจะต้องไม่เพียง ให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่คนดู เท่านั้น หากแต่จำต้องทำสิ่งที่ดีที่สุดนั้นไม่ใช่แค่ปรากฏให้เห็นอยู่เพียงบนกำแพง เท่านั้น...”

       เนื่องจากเลโอนาร์โดมีอุปนิสัยชอบค้นคิดวิทยาการใหม่ๆ และนำมาทดลองอยู่เสมอ ภาพ “อาหาร เย็นมื้อสุดท้าย” แทนที่จะใช้กรรมวิธีวาดระบายสีตามแบบวิธีเฟรสโก้เหมือนดังเช่นจิตรกร อื่นๆ นิยมกัน เพราะกรรมวิธีนี้ได้ผ่านการพิสูจน์มาเป็นอย่างดี จากผลงานในอดีตว่า มีผลงานคงทนถาวรเป็นเลิศ ถึงกระนั้นโลโอนาร์โดยังไม่พึงพอใจ เขาพยายามคิดวิธีการ และนำวัสดุใหม่ๆ เข้าใช้ผสมในการสร้างงานด้วย จึงเป็นที่น่าเสียดาย คงจะมีความ ผิดพลาดบางประการ ผนังที่ใช้วาดได้แตกปริร้าวกะเทาะ มีบางส่วนถึงกับร่อนหลุดไป ภาพได้เริ่มเสียหายตั้งแต่เมื่อครั้งเลโอนาร์โดยังมีชีวิตอยู่เสียด้วยซ้ำไป จากนั้นจึงค่อย ชำรุดอยู่ตลอดมา แต่อย่างไรก็ตาม ได้มีการพยายามซ่อมแซมบำรุงรักษาผลงาน อันล้ำค่านี้ตลอดเวลา อนึ่งเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ค.ศ. 1943 ระหว่างเกิดสงครามโลก ครั้งที่สอง โบสถ์แห่งนี้ได้ถูกระเบิดทำให้ผนังกำแพงด้านหนึ่งพังพินาศ โชคยังดี กำแพงที่พังด้านนั้น มิใช่เป็นด้านที่มีภาพ “The Last Supper”
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
nako
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #17 เมื่อ: มีนาคม 23, 2011, 08:38:31 PM »

 :pic: :pic: :pic: ยิ่งใหญ่จริง ๆ กับการนำประวัติ และผลงานของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ แห่งยุค Renaissance ซึ่งเป็นสมัยฟื้นฟูศิลปะโดยแท้จริงหลังจากที่อยู่ในยุคมืดมานาน เป็นจุดเริ่มต้นของการนำเทคนิค วิธีการ แปลก ๆ ใหม่ ๆ มาใช้และได้พัฒนามาเป็นศิลปะสมัยใหม่

   ในยุคนี้มีศิลปินร่วมสมัยหลายท่านครับ แต่ที่โด่งดังมาก ๆ และมีคนในยุคปัจจุบันรู้จักเรียกกันติดปากกันชินหู มี 3 ท่าน คือ 1. Leonardo da Vinci , 2. Raphael (ผู้ศึกษาและริเริ่มสิ่งใหม่ในวงการศิลปะ  คือ พยายามผสมรูปและพื้นให้เกิดความเคลื่อนไหว) และ 3. Michelangelo (ประติมากรผู้ยิ่งใหญ่ ที่จริงท่านมีความสามารถมากครับ คือเป็นทั้งสถาปนิก และจิตรกรด้วย)
   อยากให้ท่านtanay2507นำประวัติและผลงานของ Raphael และ Michelangelo มาลงไว้ด้วยครับ ลงไว้เพื่อเป็นวิทยทานให้กับคนที่เค้าต้องการศึกษา เรียนรู้ในเรื่องนี้ครับ ผมเชื่อว่ามีประโยชน์กับเด็ก ๆ จักขอบพระคุณมากมาย  
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 23, 2011, 08:40:25 PM โดย โชค นรา » บันทึกการเข้า
tanay2507
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 5543
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1931
สมาชิก ID: 27


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 35 : Exp 73%
HP: 0%


เว็บไซต์
« ตอบ #18 เมื่อ: มีนาคม 24, 2011, 09:06:26 AM »

รออีกซักนิดครับ คุณโชค นรา 3 ผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคเรอนาซองค์ มีผลงานที่ควรแก่การศึกษาครับ

ในยุคนี้มียอดฝีมือทางศิลปะเยอะ แต่ที่ทนความเสียดทานแห่งยุคสมัยไม่ไหว กลายเป็นหมดอนาคตไป

ก็มีอย่างเช่น บอลเชลลี่ ครับ
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
tanay2507
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 5543
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1931
สมาชิก ID: 27


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 35 : Exp 73%
HP: 0%


เว็บไซต์
« ตอบ #19 เมื่อ: มีนาคม 24, 2011, 09:20:43 AM »


Madonna of the Yarnwinder


พระแม่มารีกับไม้ปั่นด้าย (Madonna of the Yarnwinder) เป็นภาพเขียนสีน้ำมันที่เขียนโดยเลโอนาร์โด ดา วินชีจิตรกรสมัยเรอเนซองส์คนสำคัญชาวอิตาลี ที่เป็นงานสะสมส่วนบุคคล

“พระ แม่มารีกับไม้ปั่นด้าย” ราว ค.ศ. 1501 เป็นหัวเรื่องของภาพสีน้ำมันหลายภาพ ที่เขียนหลังจากที่ภาพเขียนต้นฉบับสูญหายไป เป็นภาพของพระแม่มารีและพระบุตร ที่ต่างมองไม้ปั่นด้ายที่พระแม่มารีใช้ด้วยความละห้อย

ไม้ปั่นด้าย เป็นทั้งสัญลักษณ์ของความอยู่กับเรือน และสัตยกางเขน (True Cross) ที่พระเยซูจะทรงถูกตรึงต่อมา หรืออาจจะเป็นนัยถึงชะตาซึ่งในตำนานสมัยโบราณ ใช้ไม้ปั่นด้ายเป็นสัญลักษณ์

ภาพนี้มีด้วยกันอย่างน้อยสามภาพที่ เป็นของส่วนบุคคล สองภาพอยู่ในสหรัฐอเมริกา รวมทั้งภาพหนึ่งที่รู้จักกันในชื่อ “พระแม่มารีแลนด์สดาวน์” (The Landsdowne Madonna)

ภาพเขียนต้นฉบับอาจจะเป็นงานที่จ้างโดยฟลอริมุนด์ โรแบร์เตท์องคมนตรีต่างประเทศในพระเจ้าหลุยส์ที่ 12 แห่งฝรั่งเศส

ฉบับบุคคล็อยช์

ภาพ ที่เชื่อกันว่าน่าจะเป็นงานของดา วินชิมากที่สุดเป็นของริชาร์ด สกอตต์ ดยุคแห่งบุคคล็อยช์ที่ 10 (Richard Scott, 10th Duke of Buccleuch) ที่แขวนอยู่ที่ปราสาทดรัมแลนริก (Drumlanrig Castle) ที่ดัมฟรีย์สและกาลลาเวย์ในสกอตแลนด์ จนกระทั่งถูกขโมย

ใน ปี ค.ศ. 2003 ภาพเขียนถูกขโมยโดยโจรสองคน ที่ทำตัวกลืนกับนักท่องเที่ยว แต่ก็ได้คืนมาหลังจากตำรวจเข้าบุกค้นสำนักงานทนายความในกลาสโกว์ในเดือน ตุลาคม ค.ศ. 2007

ซึ่งทางสำนักงานทนายความกล่าวว่า ไม่มีอะไรที่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายนอกไปจากคำอธิบายที่ไม่น่าตื่นเต้น อะไร มีผู้ถูกจับสี่คนรวมทั้งทนายสองคน จากสองสำนักงานซึ่งกล่าวว่า เป็นแต่เพียงตัวแทนตรวจดูสัญญาระหว่างลูกค้าสองฝ่ายเท่านั้น


สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
tanay2507
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 5543
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1931
สมาชิก ID: 27


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 35 : Exp 73%
HP: 0%


เว็บไซต์
« ตอบ #20 เมื่อ: มีนาคม 24, 2011, 02:34:37 PM »


The Battle of Anghiari

        ค.ศ. 1500 ระหว่างนี้เป็นระยะที่ไมเคิลแอนเจโล ศิลปินรุ่นน้องกำลังมีชื่อเสียงโด่งดัง แม้ว่าเลโอนาร์โดจะมีอายุแก่กว่าไมเคิลแอนเจโลถึง 23 ปี แต่บุคคลทั้งสองต่างชอบตีฝีปากคอยกระแหนะกระแหนซึ่งกันและกันอยู่เสมอ ต่างฝ่าย ต่างคิดว่าตนเองมีความสามารถเหนือกว่า ด้วยเหตุนี้ในปี ค.ศ. 1503 ทางคณะ กรรมการบริหารเมืองฟลอเรนซ์ จึงได้จัดให้บุคคลทั้งคู่วาดภาพตกแต่งหอประชุม ในพาลาสโซ เวคคิโอ เคียงกัน โดยกำหนดให้ทั้งสองวาดภาพในเรื่องราวที่เกี่ยวกับ สงครามคล้ายกัน เลโอนาร์โดเลือกเอาเรื่องราว “การรบที่แอนกิอารี่” อันเป็นสงคราม ที่กองทัพฟลอเรนซ์มีชัยชนะเหนือกองทัพของปิซ่า อย่างไรก็ตาม ศิลปินเอกทั้งสอง ต่างวาดไม่เสร็จเหลืองานทิ้งไว้ และเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่ง เมื่อวาซารี่ได้ทำการ ซ่อมแซม สถานที่แห่งนี้ในปี ค.ศ. 1565 เขาได้ลบทำลายภาพทั้งสอง ในปัจจุบันจึงเหลือแต่เพียงคำเล่าลือกับภาพร่างกระดาษเป็นหลักฐาน
จากภาพร่างที่หลงเหลืออยู่ มีเหตุผลเชื่อถือได้ว่าเลโอนาร์โดได้รับอิทธิพลมาจากผลงาน ประติมากรรมภาพแบนหล่อด้วยโลหะสำริดจากฝีมือของ เบอร์ทอลโด ดิ โจวานนี่ ซึ่งปัจจุบันประติมากรรมชิ้นนี้เก็บรักษาไว้ที่ในบาร์เกลโล เมืองฟลอเรนซ์ เลโอนาร์โด นำเอามาใช้ทั้งด้านการจัดวางองค์ประกอบและท่าทางอันห้าวหาญของนักรบ แต่ได้ดัด แปลงแก้ไขจนมีความงามสง่าน่าพิศวง เซอร์เคนเนธ คลาค ได้เขียนบันทึกไว้ว่า “ภาพร่างผลงานเกี่ยวกับสงครามทั้งของไมเคิลแอนเจโล และเลโอนาร์โด ต่าง เป็นจุด หักเหของศิลปกรรมสมัยเรอนาซอง มันไม่ใช่การกล่าวอย่างไร้เหตุผลจนเกินไปผลงาน ทั้งสองชิ้นต่างมีแนวความคิดริเริ่มสองรูปแบบ ซึ่งศิลปกรรมในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ได้พัฒนาก้าวหน้าขึ้นมาสองรูปนี้ คือ บาโรค กับ คลาสสิค

สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
tanay2507
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 5543
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1931
สมาชิก ID: 27


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 35 : Exp 73%
HP: 0%


เว็บไซต์
« ตอบ #21 เมื่อ: มีนาคม 26, 2011, 05:25:00 PM »


Mona Lisa [1503 - 1506]

       ในปีเดียว กับที่กำลังวาดภาพประดับผาผนังในพาลาสโซ เวคดิโออยู่นั้น เลโอนาร์โดก็ได้ ลงมือวาดภาพของหญิงสาวคนหนึ่งชื่อ “โมนา ลิซ่า” กล่าวเล่ากันว่า นางแบบมีชื่อจริงว่า “ ลา จิโอคอนดา” เธอเป็นสาวชาวเนเปิล เป็นภริยาของนายธนาคาร ซาโนบี เดล จิโอคอนโด ผู้มั่งคั่ง เลโอนาร์โดวาดภาพสาวงามผู้นี้ครึ่งตัว เห็นใบหน้าเกือบตรงลำตัวบิดเอี้ยวเล็กน้อย มือซ้ายวางอยู่บนที่วางแขนของเก้าอี้ มือด้านขวายกขึ้นมาเกาะกุมมือซ้ายอย่างละมุนละไม เบื้องหลังของโมนา ลิซ่าเป็นทิวทัศน์อันสงบเงียบ มีบรรยากาศเร้นลับและให้อารมณ์ ชวนฝัน มองดูคล้ายกับการจำลองทิวทัศน์ทางแบบภาคเหนือ ของมิลานถิ่นเก่าที่เขา เคยพำนักอยู่นาน เลโอนาร์โดได้ถ่ายทอดและสอดใส่อารมณ์ลงในภาพของหญิงสาว ผู้มีใบหน้าอันงดงามหลายลักษณะ มีทั้งหม่นหมอง เศร้าซึม สงบเสงี่ยม ท้าทาย ร้อนแรง และดูมีความหลังอันสะเทือนใจได้อย่างถึงแก่นแท้ จิตกรได้สร้างรอยยิ้มอันอมตะ เนรมิตดวงตาอันชวนลุ่มหลงไว้ด้วยความสามารถสร้างจินนาการให้ทิวทัศน์คล้าย ดังในฝัน ให้ขุนเขาและแมกไม้ค่อยเลือนรางหายไปในบรรยากาศอันปกคลุมด้วยเมฆหมอก วิธีการวาดทิวทัศน์ในลักษณะนี้ เป็นกรรมวิธีส่วนตัวของเลโอนาร์โดที่คิดค้นขึ้น มีชื่อ เรียกเฉพาะว่า “สฟูมาโต” (Sfumato) นับเป็นการแสดงออกอันก้าวหน้ากว่าการวาด แบบเดิม สามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องมิติใกล้ไกล สร้างบรรยากาศได้ใกล้เคียงกับ ที่เป็นอยู่ในธรรมชาติ และช่วยกระตุ้นอารมณ์จินตนาการแก่ผู้ชมได้อย่างรวดเร็ว
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
tanay2507
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 5543
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1931
สมาชิก ID: 27


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 35 : Exp 73%
HP: 0%


เว็บไซต์
« ตอบ #22 เมื่อ: มกราคม 25, 2012, 06:48:05 PM »


           แม้ว่าจะมีผลงานทางศิลปะไม่มากนัก แต่ทุกชิ้นก็เพียงพอต่อการยกย่องว่าเขาคือศิลปินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของโลกเท่าที่โลกมี นอกจากนี้ เขายังได้รับการกล่าวขวัญ ในฐานะนักประดิษฐ์นักค้นคว้าคนสำคัญอีกด้วย แม่ว่าสิ่งประดิษฐ์และการค้นคว้าส่วนมากจะประสบความสำเร็จเล็กน้อย แต่สิ่งเหล่านี้เขาก็ได้ทำได้คิด ในขณะที่คนร่วมสมัยไม่เคยคิดกัน จากหลักฐานสมุดบันทึกและภาพร่างด้วยหมึกกับดินสอ ซึ่งเคยสูญหายไปนานและเพิ่งค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 1960 ที่เมืองมาดริด แสดงให้เห็นความสนใจในวิทยาการวิทยาศาสตร์อย่างกว้างขวางและลึกซึ้ง


         เลโอนาร์โดอาจไม่ใช่นักคิดตามแนววิทยาศาสตร์คนแรกๆ ของโลก แม้ไม่ได้เป็นผู้กำหนดแนวทางให้แก่วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ก็ตาม อย่างน้อยเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้การกำเนิดวิธีการศึกษา ที่สำคัญยิ่งแบบหนึ่ง นั่นคือ การศึกษาด้วยวิธีวาดภาพ อันเป็นวิธีการศึกษาและแนวทางการถ่ายทอด จินตนาการด้วยการวาดภาพ ซึ่งในปัจจุบันเป็นที่ยอมรับว่ามีความสำคัญมากวิธีหนึ่ง

         เลโอนาร์โดพำนักอยู่ที่ฟลอเรนซ์จนถึงปี ค.ศ. 1508 จากนั้นผู้ครองนครมิลานคนใหม่ ซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศส และมีความนิยมยกย่องความสามารถของเขาได้เชื้อเชิญให้กลับเข้า รับราชการในมิลานตามเดิม ประกอบกับเวลานั้นเลโอนาร์โดใช้ชีวิตอยู่ในฟอร์เรนซ์ อย่างไม่เป็นหลักแหล่งและไม่มีงานถาวร จึงตอบรับคำเชิญนี้ ตลอดระยะเวลา การเข้าทำงานในมิลานนี้ครั้งที่สอง ผลงานส่วนใหญ่ที่ได้ทุ่มเทศึกษาค้นคว้า เป็นเรื่อง เกี่ยวข้องกับวิชาการทางด้านวิทยาศาสตร์เสียเป็นส่วนมาก งานชิ้นสำคัญที่เป็นหลัก เป็นฐานได้แก่การออกแบบก่อสร้างคลองส่งน้ำ ซึ่งเขากับฟรานเชสโก เมลชี่ ศิษย์คนสนิท ร่วมมือกัน

        ครั้นพอย่างเข้าปี ค.ศ. 1513 เลโอนาร์โดบังเกิดความเบื่อหน่าย ในการทำงานในราชสำนักมิลาน อีกทั้งคงต้องการแสวงหาผู้อุปถัมภ์ให้งานขนาดใหญ่ทำ ในระยะเวลานั้น โอรสองค์หนึ่งของเจ้าชายโรเรนโซ เด เมดิชี่ ซึ่งได้ออกบวช มาตั้งแต่ยังเยาว์ ต่อมาได้รับสถาปนาเป็นสันตะปาปา ทรงพระนามว่า เลโอที่ 10 พระองค์ทรงได้ชื่อว่าเป็นผู้สนับสนุนส่งเสริมศิลปะวิทยาคนสำคัญ เลโอนาร์โดได้ทราบ จึงออกเดินทางออกจากมิลานไปยังโรมเพื่อขอเข้าเฝ้า โดยตั้งความหวังไว้ว่า อาจได้รับ มอบหมายให้ทำงานสำคัญสักชิ้น แต่แล้วก็ต้องทูลลากลับด้วยความผิดหวัง เพราะองค์ สันตะปาปาไม่ได้แลเห็นความมีอัจฉริยะภาพของเขาเลย เขาเดินทางกลับเข้าในมิลาน ตามเดิมเรื่อยมาจนถึงปี ค.ศ. 1516

      จากนั้นพระเจ้าฟรานซิสที่ 1 แห่งฝรั่งเศส จึงได้ เชื้อชิญให้เดินทางไปทำงานในราชสำนักของพระองค์ ณ สถานที่แห่งใหม่นี้ แม้ว่าเขาจะสุขกายและได้รับเกียรติยศพอสมควร แต่ยังคงไม่สบายใจเท่าไรนัก ยิ่งกว่านั้น ในชีวิตปัจฉิมวัย นอกจากจะมีจิตใจอันหงอยเหงาแล้วสุขภาพยังเสื่อมโทรม มือและเท้าเป็นอัมพาต เขาได้ถึงแก่กรรมอย่างสงบเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1519 สิริรวมอายุได้ 69 ปี ที่ปราสาทคลูซ์ เมืองอัมบัวส์ ประเทศฝรั่งเศส โดยปราศจากผลงานและความคิดใดๆ ที่พอจะกล่าวได้ว่า มีผลอิทธิพลต่อวงการศิลปกรรมหรือวงการศิลปกรรมหรือวงการอื่นๆ ของฝรั่งเศส ถึงอย่างไรก็ตาม เขายังคงหลงเหลือสมบัติที่ได้มอบให้แก่ประเทศฝรั่งเศส แม้ว่าจะมีเพียงเล็กน้อย แต่ก็ทรงคุณค่ามหาศาล อาทิเช่น ภาพจิตรกรรมชื่อโมนา ลิซ่า ภาพเซนต์จอห์น เดอะแบบติสท์ ภาพแม่พระ พระเยซู และเซนต์แอนน์ ฯลฯ เป็นต้น ผลงานเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เขารักและหวงแหน ถึงขนาดนำติดตัวหอบหิ้วยามต้อง ระเหเร่ร่อน อยู่เสมอ เมลซี่ ศิษย์คนสนิทของผู้ติดตามเขานานปี ได้จารึกคำไว้อาลัยว่า “ มรณกรรมของเขาเป็นสิ่งเศร้าสำหรับคนทุกคน ดูเหมือนว่า การที่จะสร้างคนเช่นนี้ขึ้นมาได้ ดูออกจะเป็นสิ่งนอกเหนือไปจากอำนาจของธรรมชาติ”

          เลโอนาร์โดเป็นคนมีใบหน้าคมคายและรูปร่างสง่างาม แม้จะเป็นผู้มีบุคลิกภาพค่อนข้าง จะขี้อาย แต่ก็เป็นคนมีวาจาหลักแหลม เขาถนัดมือซ้าย ชอบเขียนหนังสือด้วยวิธี พลิกแพลง โดยเริ่มต้นเขียนจากด้านขวามาซ้าย และเขียนตัวกลับเวลาต้องการอ่าน ต้องใช้กระจกเงาส่อง จากนั้นจึงอ่านในกระจกอีกทีหนึ่ง ชอบใช้ชีวิตอย่างสำรวยหรูหรา ชอบแต่งกายนำสมัยไม่ซ้ำแบบใคร บูชาการดนตรี ชอบขี่ม้า และรักสัตว์เป็นชีวิตจิตใจ เล่ากันว่า เขามักจะซื้อนกมาปล่อยให้เป็นอิสระอยู่เนืองๆ เขาไม่บริโภคเนื้อสัตว์ เกลียด งานประติมากรรมซ้ำยังดูถูกหาว่าเป็นงานต่ำต้อย เพราะต้องการใช้แรงงาน มากกว่าสมอง เขาอยู่เป็นโสดจนตลอดชีวิต


สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2]
 
 
กระโดดไป:  






Saisampan.net
สายสัมพันธ์ - เพลงลูกทุ่งเก่า (เก่ากว่าที่ท่านคิด)
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!