ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
เมษายน 27, 2024, 08:08:15 AM

 


  หน้าแรก  • ช่วยเหลือ  • ค้นหา  • เข้าสู่ระบบ  • สมัครสมาชิก



สถานีวิทยุออนไลน์
สายสัมพันธ์





ท่านสามารถขอเพลงฟังได้
ที่กล่องขอเพลงด้านซ้ายมือ
แต่อาจไม่ได้รับฟังทุกเพลง
เนื่องจากจะรองรับเพลงตามขอ
ของสมาชิกภายในก่อน
หน้า: [1] 2 3
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ทศชาติชาดก -มโหสถบันฑิตย์  (อ่าน 25104 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
8ocdj
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 344
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 108
สมาชิก ID: 1436


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 8 : Exp 38%
HP: 0%


« เมื่อ: กันยายน 18, 2010, 05:51:51 PM »

พระมโหสถ  ยิ่งด้วยปัญญาบารมีคัมภีร์ขุททกนิกาย  มหานิบาตชาดก
ว่าด้วยเรื่องปัญญาของมโหสถกุมาร
   ปญฺจาโล  สพฺเพ  เสนายาติ  อิทํ  สตฺถา  เชตวเน  วิหรนฺโต  อตฺนโน  ปญฺญาปารมี อารพฺภ  กเถสิฯ  เอกทิวสฺมหิ  ภิกฺขู  ธมฺมสภายํ  สนนิสินฺนา  ตถาคตสฺส  ปญฺญาปารมี  วณฺณยนฺตา  มหาปญฺโญ  อาวุโส  ตถาคโต  ปุถุปญฺโญ  คมฺภีรปญฺโญ  ภูริปฺญโญ  ติกฺขปญฺโญ  ชวนปญฺโญ  นิพเพธิกปญฺโญ  ปรปวาทโนติ.
   ณ  บัดนี้ จักใด้แสดงพระไตรปิฎก  มหาวิตถารนัยในคัมภีร์ขุททกนิกาย  มหานิบาตชาดก  กัณฑ์ที่  206  ว่าด้วยเรื่องมโหสถชาดก  เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย  ในการที่จะได้สดับเรื่องพระปัญญาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแห่งเราทั้งหลาย  ในเวลาพระองค์ทรงเสวยพระชาติเป็นมโหสถบัณฑิต  โดยสมควรแก่เวลา
   ก็แลเรื่องพระมโหสถชาดกนี้  เปนเรื่องพิสดารกว้างขวางมาก  ซึ่งยากที่จะแสดงให้จบในตอนเดียวได้  ต้องแสดงเป็นหลายตอนจึงจะจบ  ซึ่งมีเนื้อความสืบต่อไปตามวาระพระบาลีและอรรถกถาว่า  เมื่อครั้งสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าแห่งเราทั้งหลาย  ประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหารใกล้กรุงสาวัตถีนั้น  พระองค์ทรงปรารภซึ่งพระปัญญาบารมีของพระองค์เองให้เป็นต้นเหตุ  จึงตรัสเทศนามโหสถชากดนี้ให้เป็นผล  มีคำเริ่มต้นว่าปญฺจาโล  สพฺเพ  เสนาย  ดังนี้
   มีเรื่องพิสดารสืบต่อไปว่า  ในเวลาวันหนึ่ง  ภิกษุทั้งหลายได้ประชุมสนทนากันในธรรมสภา พรรณนาซึ่งพระปัญญาบารมีของพระตถาคตเจ้าว่าดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย  พระตถาคตเจ้าเป็นผู้มีพระปัญญามาก  มีพระปัญญาหนาแน่เหมือนกับแผ่นพื้นพสุธา  มีพระปัญญาทำให้เวไนยสัตว์ร่าเริง มีพระปัญญาลึกซึ้ง  มีพระปัญญากว้างขวางเหมือนกับดินฟ้าอากาศ  มีพระปัญญาเฉียบแหลม  มีพระปัญญาว่องไว  มีประปัญญาทำลายเสียซึ่งกิเลส  อันเป็นเหตุให้เกิดทุกข์  ทรงย่ำยีเสียซึ่งถ้อยคำของผู้อื่นได้  พระองค์ได้ทรมาน ฝึกฝนคนทั้งหลาย  ให้หมดพยศอันร้ายกลายเป็นคนดีมากนัก  จักนับไม่ถ้วนด้วยพระปัญญาของพระองค์  เป็นต้นว่า  กูฏทันตพราหมณ์  และสัพพิยปริพาชก  อาฬวกยักษ์  พระอินทร์  พระพรหม  อังคุลิมาลโจร  ดังนี้ ฯ เมื่อสมเด็กพระชินศรีสัมมาสัมพุทธเจ้า  ได้ทรงสดับคำสนทนาแห่งภิกษาทั้งหลายแล้ว  จึงเสด็จไปประทับที่ธรรมสภา  ทรงสอบถามให้ทรงทราบเนื้อความสนทนาอันนั้นแล้ว  จึงถามว่า  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  ไม่ใช่เราตถาคตจะมีปัญญาปรากฏแก่กล้า  แต่ในเวลานี้เท่านั้นก็หาไม่  ถึงในปางก่อนเราตถาคตก็มีปัญญาแก่กล้าเหมือนกัน  ครั้นตรัสดังนี้แล้วทรงนิ่งอยู่  ภิกษุทั้งหลายใคร่จะทราบเรื่องอดีตของพระองค์  จึงทูลอาราธนาให้แสดงเรื่องอดีตต่อไป  พระองค์จึงทรงนำมาซึ่งเรื่อง มโหสถชาดกนี้  แสดงแก่ภิกษุทั้งหลาย  ดังต่อไปนี้
   อตีเต  ภิกฺขเว  มิถิลายํ  วิเทหกฏฺเฐ  วิเทโห  นาม  ราชา  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  ในอดีตกาลล่วงแล้วมา   มีพระราชาพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า  พระเจ้าวิเทหราช  เสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงมิถิลา  อันเป็นประเทศวิเทหรัฐ  พระเจ้าวิเทหราชนั้นมีนักปราชญ์สำหรับสั่งสอนอรรถธรรมอยู่ 4  คนด้วยกัน  คนหนึ่งชื่อว่าเสนกะ  คนหนึ่งชื่อปุกกุสะ  คนหนึ่งชื่อว่ากามินท์  คนหนึ่งชื่อว่าเทวินท์  ครั้นอยู่มาในเวลาที่พระสโหสถถือปฏิสนธินั้น  พระเจ้าวิเทหราชไดทรงพระสุบินนิมิตอันแปลกประหลาด  ในเวลาจวนใกล้รุ่งว่า  มีกองเพลิงอยู่  4  กอง  สูงเท่ากำแพงวัง  เกิดขึ้นในมุมกำแพงวัง  ทั้ง 4  แต่มีกองเพลิงอีกกองหนึ่งเกิดในท่ามกองแห่งกองเพลิงทั้ง 4 นั้น  ในบัดเดี๋ยวใจก็รุ่งโรจน์โชตนาการท่วมกองเพลิงทั้ง 4  แล้วสูงขึ้นไปจนกระทั่งถึงอกนิฏฐพรหม  สว่างไสวไปทั่วจักรวาล  โดยที่สุดแม้แต่เมล็ดพันธุ์ผักกาด  อันตกลงไปในสถานที่ทั้งปวงก็ปรากฏสิ้น  ในขณะนั้น  มีเทวดาและมหาชนใน  มนุษยโลก  เทวโลก  มารโลก  พรหมโลก  พากันเกลื่อนกล่นมาบูชาซึ่งกองเพลิงนั้น แล้วพากันเดินผ่านไปมาอยู่ในระหว่างกองเพลิงนั้นได้ตามสบาย  ไม่มีความร้อนรนแม้แต่ขุมขนหนึ่ง  สิ้นพระสุบินนิมิตของพระเจ้าวิเทหราชแต่เพียงนี้
อ่านต่อพรุ่งนี้


nipon, , , , domon, , , , ,
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
8ocdj
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 344
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 108
สมาชิก ID: 1436


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 8 : Exp 38%
HP: 0%


« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 19, 2010, 12:20:45 PM »

ต่อจากเมื่อวานนี้
   ราชา  อิมํ  สุบีนํ  ทิสฺวา  ครั้นพระเจ้าวิเทหราชทรางพระสุบินนิมิตดังนี้แล้ว  ก็ทรงสะดุ้งพระทัยตื่นจากพระบรรทมทรงพระดำริว่า  จักมีเหตุผลดีร้านประการใดหนอ  ครั้งทรงพระดำริแล้ว  ก็ประทับนั่งอยู่จนกระทั้งอรุณขึ้น  จตฺตาโร  ปณฺฑิตา  ปาโตว  อาคนฺตฺวา  ครั้นเพลารุ่งเช้านักปราชญ์ทั้ง  4  ก็เข้าไปทูลถามสุขไสยาจารวัตรว่า  ข้าแต่สมมติเทวราชเจ้า  พระองค์ทรงบรรทมเป็นหรือประการใด  พระเจ้าเข้า  ครัสตอบว่า  ดูก่อนอาจารย์ทั้ง  4  เราจะมีความสุขมาแต่ไหน  เพราะเมื่อคืนนี้เราฝันเห็นสิ่งประหลาดนักหนา  ลำดับนั้น  เสนกกราบทูลว่า  พระองค์ทรงพระสุบินเป็นประการใด ท้าวเธอจึงเล่าพระสุบินนิมิตนั้นให้ฟัง  เสนกจึงกราบทูลว่า  ข้าแต่มหาราชเจ้าผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ  ขอพระองค์จงอย่าได้ทรงหวั่นพระทัยเลย  พระทุทธเจ้าข้าเพราะพระสุบินนิมิตนี้  เป็นมหามิ่งมงคลอันใหญ่หลวง  จะนำสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลทั้งปวงมาให้แด่พระองค์  คือ  พระองค์จะได้นักปราชญ์อีกคนหนึ่งเป็นคำรบ  5  นักปราชญ์คนนั้นจะครอบงำเสียได้ซึ่งปัญญแห่งข้าพระพุทธเจ้าทั้ง 4 มีอุปมาเหมือนกับกองเพลิงอันน้อย  ซึ่งมีรัศมีอันรุ่งโรจน์ยิ่งกว่ากองเพลิงทั้ง 4 นั้น  ข้าพระพุทธเจ้าทั้ง 4 ซึ่งเป็นนักปราชญ์อยู่เวลานี้  เปรียบเหมือนกับกองเพลิงทั้ง 4 ที่เกิดอยู่ในมุมกำแพงวังทั้ง 4  ส่วนนักปราชญ์คนที่  5  ซึ่งจักเกิดมีขึ้นใหม่นั้น  เปรียบเหมือนกับกองเพลิงอันน้อย  ซึ่งเกิดขึ้นมาใหม่  ในท่ามกลางกองเพลิงทั้ง 4 นั้น  นักปราชญ์คนใหม่นั้นจะหาผู้เสมอมิได้  ทั้งในมนุษยโลกและเทวโลก  ของพระองค์จงทรงทราบผลแห่งพระสุบินนิมิตไว้ดังนี้เถิด  พระพุทธเจ้าข้า
   อิทานิ  ปเนสํ   กุหิ  สมเด็จพระเจ้าวิเทหราชจึงมีพระราชดำรัสถามว่า  ดูก่อนอาจารย์  ก็บัดนี้นักปราชญ์คนใหม่นั้นอยู่ที่ไหน  ท่านรู้ได้หรือไม่หรือรู้แต่เพียงว่า   จะได้นักปราชญ์คนใหม่เท่านั้น  ฯ มหาราช  อชช  ตสฺส  ปฏิสนฺธิคหเณน  วา  ข้าแต่มหาราชเจ้า  นักปราชญ์คนใหม่นั้น  ข้าพระพุทธเจ้าเข้าใจตามตำราทายพระสุบินนิมิตว่าต้องถือปฏิสนธิในครรภ์มารดาในคืนวันที่พระองค์ทรงพระสุบินนิมิตนี้  หรือไม่อย่างนั้นก็ประสูติจากครรภ์มารดาพร้อมกับในเวลาที่พระองค์ทรงสุบินนิมิตนั้น  อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นแน่แท้  การที่เสนกกราบทูลทำนายพระสุบินนิมิตนี้  คล้ายกับเห็นด้วยทิพพจักษุฉะนั้น
   ราชา  ตโต  ปฏฺฐาย  ตํ  วจนํ  อนุสฺสริ  จำเดิมแต่นั้นมา  พระมหากษัตรย์ก็ทรงระลึกถึงถ้อยคำที่เสนกพยากรณ์นั้นอยู่เนื่องๆ  อันเมืองมิถิลามหานครนั้น  มีหมู่บ้านใหญ่ๆที่ประตูนอกกำแพงพระนครมีบ้านอยู่ 4 ตำบล  คือ  บ้านข้างประตูทิศทักษิณ  มีหมู่บ้านตำบลหนึ่งชื่อว่า  ทักขิณวยมัชฌคาม  บ้านข้างประตูทิศตะวันตก  ชื่อว่ามัชฌิมวยมัชฌคาม  บ้านข้างประตูทางทิศอุดรชื่อว่าอุตตรวยมัชฌคาม  บ้านข้างประตูด้านทิศตะวันออก  ชื่อว่าปาจีนวยมัชฌคาม  ในบ้านปาจีนวยมัชฌคามนั้น มีเศรษฐีอยู่คนหนึ่ง  ชื่อว่า  สิริวัฒกเศรษฐี  ภรรยาของเศรษฐีนั้นชื่อว่า  สุมนเทวี  มีเรื่องสืบต่อไปว่าในขณะที่พระเจ้าวิเทหราชทรงพระสุบินนิมิตนั้น  เป็นเวลาที่พระมหาสัตว์เจ้า  จุติจากดาวดึงส์สวรรค์ลงมาปฏิสนธิในครรภ์แห่งนางสุมนเทวี  ส่วนเทพบุตรอีกพันองค์  ก็จุติจากดาวดึงส์สวรรค์ลงมาปฏินธิในครรภ์แห่งอนุภรรยาเศรษฐีในบ้านนั้นในเวลาเดียวกัน  เมื่อนางสุมนเทวีได้ประคองครรภ์มาถ้วนกำหนดทศมาส 10 เดือนแล้ว  ก็ประสูติบุตรอันมีผิวพรรณบริสุทธิ์ผ่องใส่เหมือนทองชมพูนุท
   ตสฺมึ  ขเณ  สกฺโก  เทวราชา  ในขณะที่พระมหาสัตว์เจ้าประสูตินั้น  ท้าวสักกเทวราชได้ทรงตรวจดูมนุษยโลก  ทรงทราบว่า  พระมหาสัตว์เจ้าได้ประสูติจากครรภ์พระมารดาแล้ว  จึงทรงพระดำริว่า  เราควรจะกระทำหน่อพุทธางกูรนี้ให้ปรากฏให้มนุษยโลก  เทวโลก  ครั้นทรงพระดำริดังนี้แล้วก็เสด็จลงมาจากสวรรค์ไปวางแท่งทิพย์โอสถแท่งหนึ่ง  ไว้ในพระหัตถ์แห่งพระมหาสัตว์เจ้าโดยไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดเห็น  แล้วเสด็จกลับคืนสู่สรวงสวรรค์ส่วนพระมหาสัตว์เจ้า  ก็ทรงกำไว้ซึ่งทิพยโอสถแท่งนั้น  ส่วนพระมารดาจะได้มีความลำบากแม้แต่เล็กน้อยก็หามิได้พระองค์ประสูติโดยสะดวกดาย เหมือนกับเทน้ำออกจากกระบอกกรองน้ำฉะนั้น  พอพระมารดาได้แลเห็นแท่งทิพย์โอสถอยู่ในพระหัตถ์ของพระมหาสัตว์เจ้าดังนั้น  จึงถามว่าลูกได้อะไรมาด้วย  ตอบมารดาว่า  ได้ยามาด้วย  แล้วก็ส่งแท่งยาอันเป็นทิพย์นั้น  ให้แก่มารดาแล้วบอกว่า  ข้าแต่มารดา  จงให้ยานี้แก่ผู้ที่เจ็บไข้ด้วยโรคทุกชนิดไปเถิด  มารได้ฟังดังนั้นก็เกิดความร่าเริงบันเทิงใจ  จึงบอกแก่สิริวัฒกเศรษฐีผู้เป็นสามีให้ทราบ  ก็แลสิริวัฒกเศรษฐีผู้เป็นบิดาแห่งพระมหาสัตว์เจ้านั้น  ได้เป็นโรคปวดศีรษะอยู่ถึง 6 ปีมาแล้ว  พอแท่งยาทิพย์ก็มีความดีใจดำริว่า  ลูกของเรานี้พอเกิดมาก็ถือยามาด้วย  ทั้งพูดกับมารดาได้ด้วย  แปลกประหลาดกว่ามนุษย์ทั้งหลาย  เห็นจักต้องเป็นผู้มีบุญญาภินิหารอันยิ่งใหญ่แน่นอน  ยาที่ผู้มีบุญญาภินิหารอันยิ่งใหญ่เช่นนี้จักต้อเป็นยามีอานุภาพมากเป็นแน่แท้  ครั้นคิดแล้วจึงจับเอาแท่งยาไปฝนทาที่หน้าผากเล็กน้อย  โรคปวดศีรษพอันนั้นก็หายไปเหมือนกับน้ำอันตกจากใบบัวฉะนั้น  เศรษฐีนั้นก็มีความดีใจอย่างยิ่งว่า  ยานี้เป็นยามีอานุภาพมากแล้วก็มีความเล่าลือทั่วไปในทุกแห่งหนว่า  บุตรสิริวัฒกเศรษฐีได้ถือแท่งยาทิพย์ติดมือออกมาจากครรภฺด้วย  ผู้ที่เป็นโรคภัยไข้เจ็บต่างๆก็ได้พากันไปขอยากับเศรษฐี ๆ ก็ฝนยาให้คนละน้อยๆ  พอคนทั้งหลายที่เป็นโรคภัยต่างๆได้ทายานั้นแล้ว  ก็หายจากโรคภัยมีความสุขสบายทั่วกัน  ฉะนั้น  ในการที่ตั้งชื่อพระมหาสัตว์เจ้านั้น  เศรษฐีจึงได้ขนานนามตามนิมิตนั้นว่า  มโหสถกุมาร  ตามเหตุการณ์ที่ได้แท่งยาทิพย์ติดมือมาด้วย  ครั้นตั้งชื่อเสร็จแล้วจึงคิดว่า  บุตรของเราเป็นผู้มีบุญมากอย่างนี้  เห็นจะไม่เกิดมาแต่คนเดียว  คงจะมีทารกอื่นๆ เกิดมาเป็นสหชาติกันบ้างเป็นแน่แท้  จึงให้คนไปเที่ยวตรวจดู  ก็รู้ว่ามีทารกอื่นๆอีกตั้งพัน  เกิดมาร่วมวันทันยามกันกับมโหสถจึงให้นำทารกเหล่านั้นมาแล้วได้ให้สิ่งของต่างๆ  พร้อมทั้งแม่นมคนละคนได้บอกแก่มาดดาบิดาของทารกทงพันนั้นว่า  ทารกเหล่านี้ได้เป็นบริวารแห่งบุตรของเรา  จำเดิมแต่นั้นไป  พวกแม่นมของทารกทั้งหลายก็พาทารกเหล่านั้นไปเล่นกับมโหสถกุมารทุกวัน  มโหสถกุมารก็เจริญวัยวัฒนาการขึ้นพร้อมๆ กับทารกเหล่านั้นจนกระทั่งอายุได้ 7 ปี  ก็ในท่ามกลางบ้านนั้นมีสนามสำหรับเล่นของเด็กอยู่แห่งหนึ่ง  เมื่อมีช้างม้าเบนต้นผ่านมาที่สนามเล่นนั้นก็ต้องเลิกกันไปหมด  และสนามเล่นนั้นลำบากด้วยลม  แดด  และฝน  อยู่มาวันหนึ่ง  ได้เกิดฝนตกลงมาห่าใหญ่  พระมหาสัตว์เจ้าผู้มีกำลังเหมือนกับช้างสาร  ก็ได้วิ่งหนีฝนเข้าไปอาศัยในศาลาทัน  ส่วนทารกอื่นๆ  ได้พากันวิ่งหนีฝนตามหลังล้มลุกคลุกคลานไป  เกิดความลำบากมาก  พระมหาสัตว์เจ้าจึงคิดว่า  เราควรจะสร้างศาลาให้เป็นที่เล่นขึ้นในสถานที่นี้  จึงได้ชี้แจงให้กุมารทั้งหลายทราบว่า  เราทั้งหลายได้รับความลำบากด้วยลมบ้าง  ด้วยฝนบ้าง  ด้วยแดดบ้าง  พวกเราควรจะสร้างศาลาไว้เป็นที่เล่นสักหลังหนึ่ง  เจ้าทั้งหลายจงเอาทรัพย์มาคนละกหปณะเถิด  กุมารเหล่านั้นก็กระทำตามพระมหาสัตว์เจ้าจึงให้หานายช่างผู้ใหญ่มาบอกว่า  ขอท่านจงสร้างศาลาให้แก่พวกข้าพเจ้าในที่นี้สักหนังหนึ่งเถิด  ข้าพเจ้าจะให้ค่าจ้างพันหนึ่ง  ว่าแล้วก็มอบทัพย์พันกหปณะนั้นให้แก่นายช่าง  ฝ่ายนายช่องก็เริ่มลงมือให้ผู้คนของตนปราบพื้นที่ให้เรียบร้อยสม่ำเสมอกัน  แล้วขึงเชือกเพื่อวัดที่และขุดเสา  พระมหาสัตว์เจ้าเห็นอาการขึงเชือกของนายช่าง  ก็ไม่เป็นที่พอใจ  จึงบอกให้ขึงเชือกใหม่  นายช่างก็จนใจไม่สามารถจะทำตามประสงค์ได้  พระมหาสัตว์เจ้าก็รีบขึงเชือกเสียเอง  เชือกที่พระมหาสัตว์เจ้าขึงนั้น มีอาการเหมือนเชือกที่วิษณุกรรมเทพบุตรลงมาขึงเชือกของนายช่าง  ก็ไม่เป็นที่พอใจ  จุงบอกให้ขึงเชือกใหม่  นายช่างก็จนใจไม่สามารถจะทำตามความประสงค์ได้  พระมหาสัตว์เจ้าก็รีบขึงเชือกเสียเอง  เชือกที่พระมหาสัตว์เจ้าขึงนั้น  มีอาการเหมือนเชือกที่วิษณุกรรมเทพบุตรลงมาขึง  แล้วพระมหาสัตว์เจ้าก็ชี้แจงให้นายช่างทำทุกสิ่งทุกอย่างในการสร้างศาลานั้น  ให้ทำศาลานั้นเป็นชั้นเป็นหลั่น  เป็นห้องหับพิสดารน่าสนใจ คือห้องสำหรับคนเข็ญใจที่จะพักพาอาศัยนั้นอยู่เสียข้างหนึ่ง  ห้องสำหรับหญิงอนาถาที่จะคลอดบุตรนั้นอยู่เสียข้างหนึ่ง  ห้องสมณพราหมณาจารย์จะพักอาศัยนั้นอยู่เสียข้างหนึ่ง  ห้องที่คนเดินทางไกลและห้องพักพวกพ่อค้านั้นก็อยู่เสียข้างหนึ่ง  ห้องต่างๆเหล่านั้น  ล้วนแต่มีหน้ามุขหันออกไปภายนอกทั้งนั้น สนามเล่นและสภาที่ประชุมก็มีอยู่ในศาลานั้น  แล้วให้หานายช่างเขียนมาวาดเขียนภาพต่างๆ  ล้วนแต่น่าทัศนาไว้ที่ศาลานั้นอย่างน่าพิสดาร  ศาลานั้นดูวิจิตรรจนาการเหมือนกับสุธรรมาเทวสภาในดาวดึงส์สวรรค์ฉะนั้น
อ่านต่อพรุ่งนี ครับ


nipon, , , domon, ,
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 19, 2010, 07:19:12 PM โดย 8ocdj » บันทึกการเข้า
8ocdj
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 344
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 108
สมาชิก ID: 1436


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 8 : Exp 38%
HP: 0%


« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 20, 2010, 05:37:57 PM »

ต่อจากตอนที่แล้ว
   โปกฺขรณี  ขนาเปตฺวา  ครั้นพระมหาสัตว์เจ้าให้นายช่างสร้างศาลาขึ้นเสร็จแล้ว  จึงให้ขุดสระโบกขรณีไว้เป็นที่ลงอาบเล่นอีก  สระโบกขรณีนั้นก่อด้วยอิฐเป็นขอบคัน  ทำให้เป็นคดเคี้ยวเลี้ยวได้พันคด  มีท่าน้ำกำหนดได้ถึง 100  ท่า  ให้ปลูกบัวต่างๆ เต็มไปในสระโบกขรณีนั้น  สระโบกขรณีนั้นงามประดุจดังว่านันทาโบกขรณีในดาวดึงส์สวรรค์  ตามริมฝั่งสระโบกขรณีนั้น  สะพรั่งไปด้วยพฤกษาลดาชาติล้วนทรงดอกออกผล  เกลื่อนกล่นไปด้วย  รุกขเบญจพันธุ์อันงดงาม  ดูเสมือนหนึ่งสวนนันทาวัน  ในดาวดึงส์สวรรค์ฉะนั้น ฯ ส่วนสมณพราหมณ์และคนกำพร้าอนาถาทั้งหลายได้มาพักอาศัยในศาลานั้นอย่างผาสุกสบาย  มีข้าวน้ำโภชนาหารอุดมสมบูรณ์ทุกประการ  คือ  พระมหาสัตว์เจ้า  ให้ตั้งทานวัตรไว้ปฏิบัติเลี้ยงดูผู้คนที่มาพักในศาลานั้นเป็นอย่างดี  เมื่อมีผู้ใดเกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้น  พระมหาสัตว์เจ้าก็ชำระสะสางให้เห็นเท็จและจริง  ให้เห็นผิดและชอบ  ควรและไม่ควร  เสมอเบนนิตยกาลมา
   วิเทหราชา  ปน  สตฺตวสฺสจฺจเยน  ในเวลาที่พระมหาสัตว์เจ้ามีพระชนม์ได้ 7 ขวบนั้น  ฝ่ายพระเจ้าวิเทหราชได้ทรงคำนึงถึงคำทำนายพระสุบินนิมิตอันนั้นแล้ว  จึงตรัสสั่งให้อำมาตย์ 4 คน  ออกไปเที่ยวค้นดูในหมู่บ้านทั้ง 4 นั้น  พวกอำมาตย์ที่ออกไปทางประตูอื่นๆ  ก็ไม่พบเห็นพระมหาสัตว์เจ้า  ส่วนอำมาตย์ที่ออกไปทางประตูด้านตะวันออกนั้น  ได้ไปพักอยู่ที่ศาลาของพระมหาสัตว์เจ้า  แล้วพินิจพิจารณาดูว่า  ศาลาหลังนี้คงเป็นศาลาที่นักปราชญ์ทำขึ้น  หรือมิฉะนั้น  คงทำขึ้นด้วยความคิดของนักปราชญ์เป็นแน่แท้  จึงไต่ถามคนทั้งหลายว่า  ศาลาหลังนี้นายช่างคนไหนประดิษฐ์คิดออกแบบแปลนทำขึ้น  คนทั้งหลายบอกว่า  ไม่ใช่นายช่างทำด้วยความคิดของนายช่างเอง  ศาลาหลังนี้  นายช่างได้ทำขึ้นด้วยความคิดของมโหสถกุมาร  ผู้เป็นบุตรของสิริวัฒกเศรษฐีต่างหาก  หาใช่ความคิดของคนอื่นไม่  อำมาตย์นั้นจึงซักถามว่า  มโหสถกุมารนั้นมีอายุเท่าไร  คนทั้งหลายตอบว่า  มีอายุ 7 ขวบบริบูรณ์  อำมาตย์นั้นจึงคำนวณดูตั้งแต่เวลาที่พระมหากษัตริย์ทรงพระสุบินนิมิตมา  ก็พอบรรจบครบ 7 ปีบริบูรณ์ จึงลงความเห็นว่า มโหสถกุมารนี้เองจักเป็นบัณฑิตต้องตามพระสุบินนิมิตของพระมหากษัตริย์  จึงได้ใช้ทูตกลับเข้าไปกราบทูลแด่พระเจ้าวิเทหราชให้ทรงทราบ  ทูตนั้นจึงกราบทูลว่าข้าแต่สมมติเทวราชเจ้า  บัดนี้บุตรของสิริวัฒกเศรษฐี  อันมีในบ้านปาจีนวยมัชฌคาม  นามว่ามโหสถกุมารมีอายุได้ 7 ขวบเต็ม  ได้ออกความคิดให้นายช่างทำของสำคัญขึ้น 3 อย่าง คือ  ศาลา 1  สระโบกขรณี 1  สวนอุทยาน 1  ของทั้ง 3 อย่างนี้ล้วนแต่เป็นของวิจิตรพิสดารทั้งนั้น  จะทรงโปรดให้ข้าพระพุทธเจ้านำมโหสถกุมารมาเข้าเฝ้าหรือยังประการใด  พระพุทธเจ้าข้า
   ราชา  ตํ  สุตฺวา  ตุฏฺฐตฺโต  พระเจ้าวิเทหราชได้ทรงสดับข่าวสาส์นดังนั้น  จึงรับสั่งให้เสนกเข้าเฝ้าตรัสเล่าเรื่องให้ฟังโดยตลอดแล้ว  จึงตรัสถามว่า  ดูก่อนเสนก  เราควรจะนำมโหสถบัณฑิตเข้ามาหรือยัง  เสนกผู้มีนิสัยตระหนี่ความดีของคนอื่น  จึงกราบทูลทัดทานเป็นการฝืนพระราชประสงค์ว่า  ข้าแต่มหาราชเจ้า  อันการสร้างศาลาเป็นต้น  ไม่ใช่เป็นของสำคัญ  ใครๆก็อาจสร้างได้ทำได้ทั้งนั้น ไม่เป็นของน่าอัศจรรย์ประการใด  ท้าวไทจึงทรงนิ่งเสีย  แล้วโปรดให้ทูตกลับไปบอกอำมาตย์นั้นว่า  ให้รออยู่ดูเหตุการณ์ในบ้านนั้นอีกต่อไปก่อน  อย่าเพิ่งรับมโหสถบัณฑิตนั้นเข้ามาเลย  อำมาตย์ผู้นั้นก็กระทำตามพระราชโองการ  คอยตั้งใจสังเกตการณ์อยู่ในบ้านนั้นอีกต่อไป  อำมาตย์ผู้นั้นก็ได้สังเกตเห็นเหตุการณ์เป็นลำดับไป  ซึ่งล้วนแต่เป็นเครื่องส่อให้เห็นว่า  มโหสถกุมารนั้นเป็นนักปราชญ์สมเหตุผลทุกประการ  เหตุการณ์ที่อำมาตย์นั้นได้สังเกตมานั้น  มี  19 อย่างด้วยกัน  คือ  เรื่องเนื้อ 1  เรื่องโค 1  เรื่องเครื่องประดับ 1  เรื่องกลุ่มด้าย 1  เรื่องบุตร 1  เรื่องบุรุษชื่อว่าโคธกาล 1  เรื่องรถ 1  เรื่องท่อนไม้ 1  เรื่องศีรษะมนุษย์ 1  เรื่องงูตัวผู้ตัวเมีย 1  เรื่องไก่ 1  เรื่องแก้วมณี 1  เรื่องให้โคตัวผู้คลอดลูก 1  เรื่องหุงข้าวประกอบด้วยองค์ 8 ประการ 1  เรื่องฟั่นเชือกพรวนด้วยทราย 1  เรื่องสระโบกขรณี 1  เรื่องอุทาน 1  เรื่องลา 1  เรื่องแก้วมณีที่ยอดตาล 1  รวมเป็น 19 เรื่องด้วยกัน  ดังนี้  ทั้ง  19  เรื่องนี้  ท่านประพันธ์เป็นคาถาไว้ว่า
อ่านต่อพรุ่งนี้


nipon, , , domon, ,
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
8ocdj
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 344
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 108
สมาชิก ID: 1436


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 8 : Exp 38%
HP: 0%


« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 23, 2010, 05:36:04 PM »

เนตไม่สบายซ่ะ 2 วัน คงไม่ว่ากัน เชิญอ่านต่อครับ
มํสํ  โคโณ  คณฺฐี  สุตฺตํ     ปุตฺตํ  โคธํ  รเถน  จ
ทณฺโฑ  สีสํ  อหิ  เจว   กุกฺกุโฏ  มณิ วิชายนํ
โอทนํ  พาลุตญฺจาษี   ตฬากุยฺยานํ  คทฺรโภ  มณิ

เรื่องที่ทำให้เห็นว่ามโหสถกุมารมีปัญญานั้น  มีอยู่  19  อย่าง  คือ  เนื้อ  โค  เครื่องประดับคอ  กลุ่มด้าย  บุตร  โครบุรุษ  รถ  ท่อนไม้  ศีรษะงู  ไก่  แก้วมณี  การให้คลอดลูก  ข้าวสุก  ทราย  สระ  สวน  ลา  และแก้วมณี  ดังนี้  ทั้ง  19 เรื่องนี้  เฉพาะเรื่องปรากฏมีขึ้นในเวลาที่มโหสถกุมารมีอายุได้ 7 ขวบนั้นมี 7 เรื่องด้วยกัน  คือเรื่องเนื้อ  เรื่องโค  เรื่องเครื่องประดับคอ  เรื่องด้าย  เรื่องบุตร  เรื่องโคธบุรุษ  และเรื่องรถ  นอกจากนี้ค่อยปรากฏขึ้นในกาลเป็นลำดับไป
   ตสฺส  มํสนฺติ ฯ  เอกทิวสํ  โพธิสตฺโต  กีฬามณฺฑลํ  คจฺฉนฺโต  เอโก  เสโน  สูนผลกโต  มํสเปสิ  คเหตฺวา  อากาเสน  ปกฺขนฺทิ ฯ  ตํทิสฺวา  ทารกา  มํสเปสึ  ฉฑฺฑาเปสฺสามาติ  เสนํ  อนุพนฺธึสูติ
   ณ  บัดนี้  จักได้แสดงพระไตรปิฎกเทศนา  มหาวิตถารนัย  ในคัมภีร์  ขุททกนิกาย  มหานิบาตชาดก  ว่าด้วยเรื่องมโหสถสืบต่อต่อไป  ว่าด้วยเรื่องอันเป็นอันเครื่องแสดงปัญญาของมโหสถกุมารไปโดยลำดับทั้ง 19  เรื่อง  ตามอรรถกถา  โดยสมควร
   ดำเนินความในเรื่องที่ 1 ซึ่งได้แก่เรื่องเนื้อนั้นว่า อยู่มาวันหนึ่ง  เป็นเวลาที่มโหสถกุมารพร้อมกับบริวารกำลังเล่นกันอยู่ที่สนามเล่น  ได้มีเหยี่ยวตัวหนึ่งคาบเอาเนื้อชิ้นหนึ่งบินผ่านสนามมา  ทารกทั้งหลายได้พากันวิ่งไล่ติดตาม  พยายามจะให้เหยี่ยวนั้นทิ้งชิ้นเนื้อลงมา  ทารกเหล่านั้นได้พากันแหงนหน้าไล่ตามไปสะดุดเท้าแห่งกันและกันล้มลุกคลุกคลานไป  บางคนก็สะดุดล้ม  ลำดับนั้น  มโหสถกุมารจึงคิดว่า  เราจะให้เหยี่ยวตัวนี้ทิ้งเนื้อก้อนนั้นลงมาให้จงได้  จึงบอกให้เด็กทั้งหลายคอยดู  แล้วจึงออกวิ่งไปด้วยกำลังรวดเร็วดุขลมพัด  โดยสังเกตเงาเหยี่ยวเรื่อยไป  ไม่ได้แหงนหน้าขึ้นดูเหยี่ยวเหมือนกับเด็กทั้งหลาย  พอวิ่งไปทันเงาเหยี่ยวเข้าแล้ว  ก็เหยียบเงาเหยี่ยวตบมือร้องตวาดขึ้น  เสียงร้องนั้นก็เป็นเหมือนแทงเข้าไปในหัวใจของเหยี่ยว  เหยี่ยวก็ทิ้งชิ้นเนื้อลงมา  พระมหาสัตว์เจ้าก็สังเกตดูเงาชิ้นเนื้ออันตกลงมา  แล้วรับไว้ไม่ทันให้ตกถึงพื้นดิน  คนทั้งหลายได้เห็นอัศจรรย์ดังนี้  ก็เปล่งเสียงและตกมือกระพือผ้า  ให้สาธุการก้องสนั่น  ครั้นอำมาตย์คนนั้นได้ทราบเรื่อง  จึงส่งข่าวเข้าไปกราบทูลแด่นเรนทรสูรย์สมมติเทวราชให้ทรงทราบโดยละเอียดถี่ถ้วนทุกประการ  ในเวลานั้น  ท้าวเธอได้ตรัสหารือกับเนกอาจารย์  เสนกอาจารย์ก็กราบทูลทัดทานไว้โดยนัยหนหลัง
อ่านต่อพรุ่งนี้ครับ


nipon, , , domon, ,
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
8ocdj
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 344
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 108
สมาชิก ID: 1436


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 8 : Exp 38%
HP: 0%


« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 24, 2010, 05:53:26 PM »

ต่อจากตอนที่แล้ว   เรื่องที่ 2  รองลงมาว่า  มีบุรุษคนหนึ่ง  ซึ่งอยู่ในบ้านปาจีนวยมัชฌคามนั้นได้ไปซื้อโคตัวหนึ่งมาจากบ้านนอก  แล้วจูงมาตามมรรคา  ได้แวะนอนอยู่ใต้ร่มไม้ต้นหนึ่ง มีโจรคนหนึ่งมาลักเอาโคตัวนั้นไป  เมื่อบุรุษนั้นตื่นขึ้นก็วิ่งตามไป  พอทันกันเข้าแล้ว  โจรนั้นก็ได้โต้เถียงว่า  เป็นโคของเรา  ไม่ยอมส่งโคให้แก่บุรุษนั้น  ได้จูงโคโต้เถียงกันมาจนกระทั่งถึงประตูศาลาแห่งมโหสถกุมาร  มีผู้คนแตกตื่นมาดูกันเป็นอลหม่าน  มโหสถกุมารจึงเรียกบุรุษทั้งสองนั้นเข้าไปหา  แต่พอแลเห็นก็ทราบได้ว่า  ใครเป็นโจรและเป็นเจ้าของโค  จึงไต่ถามว่า  ท่านทั้งสองวิวาทกันด้วยเหตุอะไร  เจ้าของโคและโจรก็ชี้แจงเรื่องวิวาทให้ฟัง  เจ้าของโคให้การว่า  โคตัวนี้ข้าพเจ้าได้ไปซื้อมาจากบ้านโน้น  พอจูงมาถึงกลางทาง ข้าพเจ้าก็แวะเข้าพักที่ใต้ร่มไม้  ต้นหนึ่งแล้วเลยหลับไป  พอตื่นขึ้นก็ไม่เห็นโค  จึงได้ติดตามมา  ได้พบบุรุษคนนี้จูงโคมา ฝ่ายโจรให้การว่าเป็นโคของตนเอง  แล้วคนทั้งสองได้ขอให้ช่วยวินิจฉัย  มโหสถกุมารจึงถามบุรุษผู้เป็นโจรก่อนว่า  ท่านให้โคกินอะไร  โจรตอบว่า  ให้กินแป้งอันเจือด้วยงาและขนมสดต่างๆ  ฝ่ายเจ้าของโคให้การว่า  ให้กินแต่หญ้าอย่างเดียว  มโหสถกุมารจึงให้คนไปหาใบประยงค์มาโขลกขยำลงไปในน้ำให้โคกิน  โคก็สำรอกหญ้าออกมาให้เห็นปรากฏแก่คนทั้งหลาย  มโหสถกุมารจึงประกาศให้คนทั้งหลายดูเป็นพยาน  แล้ว  ซักถามว่า  ท่านเป็นโจรมิใช่หรือ  เมื่อโจรนั้นรับว่าใช่  จึงให้โอวาทสั่งสอนว่า  อย่าทำอย่างนี้อีกต่อไป  คนทั้งหลายก็โบยตีโจรนั้นด้วยมือและเท้า  แล้วปล่อยตัวไป  อำมาตย์ผู้นั้นก็ส่งข่าวนั้นนี้เข้าไปทูลพระเจ้าวิเทหราชอีก  เสนกก็ทูลทัดทานไว้อีกเหมือนอย่างหนหลัง
อ่านต่อพรุ่งนี


nipon, , , domon, ,
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
8ocdj
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 344
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 108
สมาชิก ID: 1436


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 8 : Exp 38%
HP: 0%


« ตอบ #5 เมื่อ: กันยายน 25, 2010, 07:01:45 PM »

ต่อจากตอนที่แล้ว
   เรื่องที่  3  อันแสดงให้เห็นปัญญาของมโหสถกุมาร  คือ  เรื่องเครื่องประดับนั้นมีเรื่องมาว่า  อยู่มาวันหนึ่ง  มีหญิงขัดสนคนหนึ่งได้เปลื้องเครื่องประดับคออันทำด้วยด้ายต่างๆสี  ทิ้งไว้ที่ริมสระโบกขรณีแล้วลงไปอาบน้ำในสระ  มีหญิงสาวอีกคนหนึ่งมาพบเข้าก็พอหยิบขึ้นมาชมดู  พอเจ้าของอนุญาตก็เอาสวมคอของตนแล้วหนีไป  ฝ่ายหญิงเจ้าของก็รีบขึ้นจากน้ำไล่ติดตามไปทันที  สตรีทั้งสองคนนั้นได้โต้เถียงกันไปจนกระทั่งถึงศาลาของมโหสถกุมาร  มโหสถกุมารจึงให้หาตัวเข้าไปแล้วซักถามว่า  เครื่องประดับนั้นแช่ลงไปในถาดน้ำ  แล้วให้คนที่รู้จักกลิ่นดมพิสูจน์น้ำนั้นดู  คนที่ดมพิสูจน์นั้นก็บอกให้รู้ว่า  มีแต่กลิ่นดอกประยงค์อย่างเดียว  มโหสถกุมารก็ประกาศให้คนทั้งหลายเป็นพยาน  แล้วซักถามจนหญิงโจรนั้นรับสารภาพ  แล้วจึงให้หญิงโจรนั้นคืนเครื่องประดับนั้นให้แก่เจ้าของไป  ทั้งได้ให้โอวาทสั่งสอนแล้วก็ปล่อยตัวไป
   เรื่องที่  4  มีความว่า  มีหญิงเฝ้าไร่ฝ้ายคนหนึ่ง  ได้ถือด้ายกลุ่มหนึ่ง  ซึ่ง  เอาเมล็ดมะพลับใส่ไว้เป็นแกนใน  มาจากไร่ของตน  พอถึงสระโบกขรณีก็วางด้ายไว้ริมฝั่งแล้วลงไปอาบน้ำ  มีหญิงอีกคนหนึ่งเดินมาพบเข้าก็ฉวยเอาไป หญิงเจ้าของก็รีบขึ้นไล่ติดตามไปจนถึงสำนักมโหสถกุมารไป  หญิงเจ้าของก็รีบขึ้นไล่ติดตามไปจนถึงสำนักมโหสถกุมาร  มโหสถกุมารได้ถามหญิงโจรนั้นก่อนว่า  กลุ่มด้ายนี้  ท่านได้เอาสิ่งใดใส่ไว้ข้างใน  หญิงโจรนั้นบอกว่า  ได้เอาเมล็ดฝ้ายใส่ไว้ข้างใน  แล้วถามหญิงเจ้าของต่อไป หญิงเจ้าของให้การว่า  ได้เอาเมล็ดมะพลับใส่ไว้ข้างใน  มโหสถกุมารก็ได้จดถอยคำของหญิงทั้งสองนั้นไว้ แล้วให้คลี่กลุ่มด้านนั้นออก ก็ได้เห็นแต่เมล็ดมะพลับสมจริงตามคำโจทก์  จึงให้หญิงโจรนั้นคืนกลุ่มด้ายนั้นให้เจ้าของไป
อ่านต่อพรุ่งนี ครับ


, , domon, ,
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
8ocdj
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 344
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 108
สมาชิก ID: 1436


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 8 : Exp 38%
HP: 0%


« ตอบ #6 เมื่อ: กันยายน 26, 2010, 07:41:02 PM »

ต่อจากตอนที่แล้ว
   เรื่องที่ 5  นั้นว่า อยู่มาวันหนึ่งมีหญิงคนหนึ่งวางบุตรไว้ที่ริมสระโบกขรณีแล้วก็ลงไปอาบน้ำ  มีนางยักษิณีตนหนึ่ง  ได้จำแลงเพศเป็นหญิงมนุษย์มาขออุ้มเด็กนั้น  พอมารดาอนุญาต  ก็อุ้มเอาเด็กนั้นเดินหนีไป  มารดาก็รีบขึ้นจากสระไล่ติดตามไปทันที  ต่างก็โต้เถียงว่าเป็นบุตรของตนๆ  ผ่านประตูศาลาของมโหสถกุมารไป  มโหสถกุมารก็ให้นำตัวหญิงทั้งสองนั้นเข้าไปซักถาม  แต่พอเห็นก็รู้ว่าหญิงที่อุ้มเด็กนั้นเป็นยักษิณี  เพราะเหตุว่าตาไม่กระพริบและตาแดงตาแข็งทั้งไม่มีเงาตัว  จึงขีดลงที่พื้นดินแล้วให้วางเด็กขวางลงไปในที่ขีดนั้น  ให้นางยักษิณีจับข้างมือไว้  ให้มารดาจับข้างเท้าไว้แล้วบอกว่าท่านทั้งสองจงแย่งกัน  ถ้าใครแย่งได้ก็เป็นบุตรของคนนั้น หญิงทั้งสองก็ลงมือแย่งกัน  ต่างคนต่างก็ดึงกันไปดึงกันมา  เด็กนั้นก็ร้องไห้ขึ้นความทุกขเวทนาเจ็บปวดที่ถูกกระชากไปมา  พอมารดาได้ยินเสียงลูกร้อยไห้ก็ปานประหนึ่งว่าหัวใจจะแตกทำลาย  จึงปล่อยมือ  แล้วยืนร้องไห้อยู่  มโหสถกุมารจึงไต่ถามคนทั้งปวงที่ยืนมุงดูกันอยู่ในที่นั้นว่า  ธรรมหัวใจของหญิงผู้เป็นมารดา  กับหัวใจของหญิงที่ไม่ใช่มารดา  ข้างไหนจะอ่อน  คนทั้งหลายจึงตอบว่า  ข้างมารดานั้นแหละอ่อน  มโหสถกุมารจึงวินิจฉัยว่า  ถ้าอย่างนั้นขอให้ท่านทั้งหลายจงรู้เถิดว่า  หญิงที่ปล่อยเด็กนั้นแหละเป็นมารดา  ส่วนหญิงที่ไม่ปล่อยนั้นเป็นโจร  และเป็นนางยักษิณีด้วย  โดยเหตุที่แปลกจากคนอื่นๆ หลายอย่าง  คือไม่กระพริบตาอย่างหนึ่ง  แสงตาแดงอย่างหนึ่ง  แสงตาแข็งอย่างหนึ่ง  ไม่มีเงาตัวอย่างหนึ่ง  ไม่มีใจเอ็นดูกรุณาอย่างหนึ่ง นางยักษิณีก็รับว่าจริง  จึงให้นางยักษิณีนั้นคืนทารกนั้นให้แก่มารดาไป  แล้วแนะนำให้ตั้งอยู่ในศีล 5 เป็นอันดีแล้วจึงปล่อยไป  ฝ่ายหญิงผู้เป็นมารดาก็แสนที่จะยินดีปรีดา  ให้พรแก่มโหสถกุมารแล้วก็ลาไป
อ่านต่อพรุ่งนี้ ครับ


, , domon, ,
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 26, 2010, 07:42:28 PM โดย 8ocdj » บันทึกการเข้า
8ocdj
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 344
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 108
สมาชิก ID: 1436


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 8 : Exp 38%
HP: 0%


« ตอบ #7 เมื่อ: กันยายน 27, 2010, 07:46:48 PM »

ต่อจากตอนที่แล้ว
   เรื่องที่  6  คือ  เรื่องโคธกาลบุรุษนั้นว่า   ยังมีบุรุษผู้หนึ่ง  มีนามปรากฏชื่อว่าโคธกาล  มีรูปร่างต่ำเตี้ยมีผิวเนื้อดำ  ไปทำการอาสาอยู่ในสำนักแห่งบุรุษผู้หนึ่งประมาณ 7 ปี  จึงได้ภรรยาๆนั้นชื่อว่า  ทีคตาหฬ  ครั้นอยู่กินกับด้วยภรรยาแล้ว  ก็ปรารถนาจะไปเยี่ยมมารดาบิดา  จึงให้ภรรยาตกแต่งเครื่องอลังการตามสมควร  แล้วก็พากันไปตามมรรคา  ครั้นถึงแม่น้ำแห่งหนึ่งมีน้ำอันเต็มตื้น  สองคนผัวเมียนั้นเป็นคนขลาด  มิอาจสามารถจะลงข้ามไปก็ยับยั้งอยู่ริมฝั่ง  ครั้งนั้นมีบุรุษเข็ญใจผู้หนึ่งมีนามปรากฏว่า  ทิฆปีฏฐิ  บุรุษผู้นี้มีรูปร่างสูงใหญ่  เดินมาในสถานที่นั้น สองคนผัวเมียจึงถามทิฆปีฏฐิบุรุษว่า  ดูก่อนสหาย  แม่น้ำนี้ลึกหรือตื้นเป็นประการใด  ทิฆปีฏฐิ  บุรุษก็ลวงว่าแม่น้ำนี้ลึกนักหนา  ทั้งปลา  ทั้งจระเข้ก็ร้าย  โคธกาลจึงว่า  ดูก่อนสหายตัวท่านจะข้ามไปอย่างไรเล่า  ดูก่อนสหาย  เรานี้เคยไปมา  จระเข้และปลาร้ายกับเรานี้คุ้นเคยกันเสียแล้ว  จระเข้และปลาร้ายจะได้เบียดเบียนเราหาได้ไม่  ดังนั้น  สหายจงช่วยข้ามส่งเราสองผัวเมียนี้ให้ถึงฝั่งด้วยเถิด   ทิฆปีฏฐิก็รับว่าจะเป็นไรไป  เราจะอนุเคราะห์  สองคนผัวเมียก็ดีใจให้ทิฆปีฏฐิบริโภคขนมของกินเสร็จแล้ว  โคธกาลผู้ผัวก็ให้ทิฆปีฏฐิพานางทีคตาหฬข้ามน้ำไป  พอออกเดินตรงไปหน่อยหนึ่งแล้ว  ก็นั่งลงเดินคุกเข่าไปในท่ามกลางแม่น้ำ  โคธกาลก็สำคัญว่าน้ำลึก  ก็นึกในใจว่า  แต่ตัวเขาสูงใหญ่นักหนา  ยังจมลงไปถึงเพียงนี้  ก็เรานี้ต่ำเตี้ยจะข้ามไปที่ไหนได้  ทิฆปีฏฐิ  เมื่อพานางทีคตาหฬข้ามไปถึงท่ามกลางแม่น้ำแล้ว  ก็ว่าแก่นางทีคตาหฬว่า  เจ้าอย่าอยู่กับอ้ายเตี้ยนี้เลย  ไปอยู่กับพี่เถิด  พี่จะตกแต่งเจ้าให้มีผ้านุ่งที่ดี  ให้สวมแหวน  ให้มีทาสาทาสีเป็นบริวาร  ยอมเป็นภรรยาพี่เถิด  นางทีคตาหฬได้ฟังทีฒปีฏฐิว่าดังนั้น  ก็ตัดสียซึ่งความสิเนหาในสามีของตน  มีดวงกมลหฤทัยปฏิพัทธ์รักใคร่ทิฆปีฏฐิ  ในขณะนั้นจึงกล่าวว่าท่านไม่ทิ้งเรา ๆ ก็จะกระทำตามถ้อยคำของท่าน  ทิฆปีฏฐิก็ว่าจะเลี้ยงดูไม่ทิ้งขว้าง  นาทีคตาหฬก็รับถ้อยคำ  ทีฆปีฏฐิก็พาไปถึงฝั่งโน้น  แล้วก็เอาขนมสู่กันกิน  แล้วเยาะเย้ยโคธกาลว่า  อ้ายเตี้ยมึงจงอยู่นั่นเถิด  ทิฆปีฏฐิกับนางทีคตาหฬก็เดินตามกันไป โคธกาลก็น้อยเนื้อต่ำใจเป็นหนักหนา  วิ่งซ้ายวิ่งขวาไปใกล้น้ำแล้วถอยหลังขึ้นมาที่เก่า  ถอยขึ้นมาแล้ววิ่งลงไปเล่า  ทำแต่กระนั้นเป็นหลายคราว  ทีหลังมีความแค้นขึ้นก็คิดว่า  จะเป็นตายอยางไรก็ช่างเถิด  ก็เผ่นโผนออกไปด้วยกำลังโจนลงไปในน้ำก็รู้ว่าน้ำนั้นตื้น  โคธกาลก็ลุยน้ำข้ามไปโดยลำดับฉับพลันไปทันทิฆปีฏฐิแล้วร้องว่า  ดูก่อนโจรคนชั่วร้าย  ทำไมมึงจึงพาเอาเมียของกูไป  ทิฆปีฏฐิตอบว่า  อ้ายเตี้ย  เมียของมึง ๆ  ได้มาแต่ไหน  เมียของกูต่างหาก  มึงอย่าเข้ามาใกล้  โคธกาลไม่ฟังเสียงฉุดเอามือนางทีคตหฬไว้  ทะเลาะกันอึกทึกมาถึงศาลาแห่งพระบรมโพธิสัตว์ฯ  ก็ให้คนทั้ง  3  เข้าไปหา  แล้วพระองค์ก็ให้แยกกันถาม  เอาชื่อตัว  ชื่อภรรยา  ชื่อมารดาบิดา  พ่อตาแม่ยาย  เมื่อแยกกันถาม  โคธกาลก็ให้การไปตามสัตย์  บอกชื่อพ่อตา  แม่ยายได้ถูกต้อง  ส่วนทิฆปีฏฐิให้การไม่ถูกต้องตามที่เป็นจริง  โดยเหตุว่าตน  ไม่รู้จักชื่อพ่อตาแม่ยาย  แม้แต่ชื่อผู้หญิงตัวก็ไม่รู้จัก  เมื่อคนทั้ง 3 ให้การเสร็จแล้ว  มโหสถกุมารก็อ่านคำให้การของคนทั้ง 3 นั้น  ในที่ชุมชน  คำให้การของโคธกาลก็ถุกต้องกันกับคำให้การของหญิงนั้น  มโหสถกุมาร  ก็ตัดสินให้ทิฆปีฏฐิเป็นฝ่ายแพ้  ให้คืนหญิงนั้นให้แก่โคธกาลผู้เป็นสามี
โปรดติดตามตอนต่อไป


, , domon, ,
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
8ocdj
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 344
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 108
สมาชิก ID: 1436


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 8 : Exp 38%
HP: 0%


« ตอบ #8 เมื่อ: กันยายน 28, 2010, 06:05:11 PM »

ต่อจากเมื่อวานนี้
   เรื่องที่  7  คือ เรื่องรถนั้นว่า  อยู่มาวันหนึ่ง  สมเด็จอมริทราธิราชเจ้า  ปรารถนาจะเชิดชูสติปัญญาบารมีของมโหสถกุมาร  จึงทรงเล็งดูเหตุการณ์อันสมควรอยู่  พอดีได้เห็นบุรุษคนหนึ่งขับรถไปจอดไว้ที่ใกล้มรรคา  ซึ่งเป้นทางไปสู่ศาลาของมโหสถกุมาร  พอเขาหยุดรถไว้แล้วก็ไปถ่ายอุจจาระ  สมเด็จอมรินทราธิราช  จึงรีบคลาดแคล้วจากสวรรค์  จำแลงองค์เป็นมาณพหนุ่มน้อยมาขึ้นรถแล้วขับไป  ฝ่ายเจ้าของเมื่อถ่ายอุจจาระเสร็จแล้วออกมาไม่เห็นรถก็เหลียวซ้ายแลขวา  พอได้ยินอินทมาณพกำลังขับรถไป  ก็วิ่งติดตามไปโดยเร็ว  พอทันกันแล้วก็เกิดโต้เถียงกันขึ้น  โดยต่างฝ่ายต่างก็อ้างว่าเป็นรถของตน  เถียงกันไปพลางขับรถไปพลาง  จนกระทั้งถึงศาลาของมโหสถกุมาร  มโหสถกุมารจึงให้หาคนทั้งสองนั้นเข้าไปซักถาม  เมื่อได้ความว่า  ทะเลาะกันด้วยเรื่องรถแล้ว  จึงรับพิพากษา  วิธีพิพากษานั้น  คือ  มโหสถกุมารให้คนของพระองค์ขึ้นขับรถไป  ถ้าใครวิ่งตามรถไปได้ทั้งกลับไปกลับมา รถก็ต้องเป็นของผู้นั้น  แล้วคนทั้งสองนั้นก็ออกวิ่งตามรถไปฝ่ายบุรุษเจ้าของรถวิ่งไปพอเหนื่อยแล้วก็ทอดอาลัยหยุดยืนเสีย  ส่วนอินทมาณพได้วิ่งตามรถไปได้ทั้งเวลาไปและเวลากลับ พอรถหยุดแล้ว  มโหสถกุมารจึงพิจารณาดูว่า  คนไหนจะเป็นเจ้าของ  เมื่อพิจารณาเห็นว่า  คนที่หยุดนั้นเป็นเจ้าของรถส่วนคนที่ไม่หยุดนั้นเป็นขโมย  และไม่ใช่ขโมยมนุษย์  ต้องเป็นขโมยเทวดาอย่างแน่นอน  เพราะไม่มีอาการเหนื่อยหอบอย่างหนึ่ง  ไม่มีเหงื่อแม้แต่หยดเดียวอย่างหนึ่ง  ไม่กระพริบตาอย่างหนึ่งจึงถามขึ้นว่า ท่านไม่ใช่มนุษย์ไม่ใช่หรือ  เพราะเราเห็นแปลกด้วยอาการ 3 อย่าง  อินทมาณพก็สารภาพตามความเป็นจริงว่า  ข้าพเจ้าเป็นพระอินทร์  ได้จำแลงตัวเป็นมาณพลงมาเพื่อปรารถนาจะส่งเสริมบารมีของท่าน  ว่าแล้วก็เหาะขึ้นไปนั่งอยู่บนอากาศ  สรรเสริญปัญญาบารมีของมโหสถกุมารแล้วก็เสด็จกลับไปสู่ทิพยสถานของพระองค์
กรุณาอ่านต่อพรุ่งนี้ ครับ


, , domon, ,
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
8ocdj
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 344
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 108
สมาชิก ID: 1436


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 8 : Exp 38%
HP: 0%


« ตอบ #9 เมื่อ: กันยายน 29, 2010, 07:59:32 PM »

ต่อจากตอนที่แล้ว
   เรื่องที่ 8  คือ  เรื่องท่อนไม้นั้นว่า   อยู่มาวันหนึ่ง  พระเจ้าวิเทหราชมีพระราชประสงค์จะใคร่ทดลองซึ่งปัญญาแห่งมโหสถกุมาร  จึงโปรดให้ช่างกลึงไม้ตะเคียนท่อนหนึ่ง  อันมีกำหนดยาวคืบหนึ่ง  ให้เล็กใหญ่เสมอกันทั้งเบื้องต้นเบื้องปลายแล้ว  โปรดให้ส่งออกไปให้ชาวบ้านปาจีณยวมัชฌคามดูว่า  ข้างไหนต้น  ข้างไหนปลาย  ถ้าทายไม่ได้จะปรับเป็นทรัพย์พันตำลึง  แล้วชาวบ้านก็ประชุมกันพิจารณาดู  เมื่อไม่มีใครรู้จึงแจ้งแก่บิดาของมโหสถกุมาร บิดาจึงให้ไปตามมโหสถกุมารมาจากสนามเล่น  แล้วส่งท่อนตะเคียนนั้นให้ดู  พอมโหสถจับชั่งดูด้วยมือ  ก็รู้ว่าข้างไหนเป็นต้น  ข้างไหนเป็นปลาย  แต่เพื่อจะให้คนทั้งหลายเห็นประจักษ์ตา  จึงให้เอาด้ายผูกท่อนตะเคียนนั้นเข้าที่ตรงกลาง  แล้วให้ค่อยๆหย่อนลงไปในถาดน้ำข้างต้นก็จมลงไปก่อน  จึงถามคนทั้งหลายว่า  ธรรมดาท่อมไม้ข้างไหนหนักกว่ากัน  เมื่อคนทั้งหลายตอบว่า  ข้างต้นหนักกว่า  จึงบอกว่า  ถ้าอย่างนั้นท่านทั้งหลายจงทำเครื่องหมายไว้ที่ข้างนี้  แล้วส่งเข้าไปกราบทูลเถิดว่า  ข้างนี้แหละเป็นข้างต้น  ข้างนั้นเป็นข้างปลาย  คนทั้งหลายก็กระทำตามอุบายของพระองค์  เมื่อพระเจ้าวิเทหราชได้ทรงทราบก็ทรงซักถาม  ได้ความว่า  เป็นความคิดของมโหสถกุมาร  ก็ทรงชื่นบานในพระราชหฤทัย
   เรื่องที่  9  คือ  เรื่องศีรษะนั้นว่า  อยู่มาวันหนึ่ง  สมเด็จพระเจ้าวิเทหราชโปรดให้ส่งกะโหลกศีรษะออกไปให้พวกชาวบ้านนั้นดูว่า  กะโหลกศีรษะไหนเป็นกะโหลกศีรษะของหญิงและชาย  คนทั้งหลายก็นำไปแจ้งแก่บิดามโหสถอีก  มโหสถก็ชี้แจงให้ฟังอีกว่า  ธรรมดากะโหลกศีรษะของหญิงย่อมมีเส้นเอ็นคด  ส่วนศีรษะของชายย่อมเป็นเส้นตรง  คนทั้งหลายก็ได้เข้าไปกราบทูลให้ทรงทราบ  พระองค์ก็ทรงปลาบปลื้มดุจหนหลัง
อ่านต่อพรุ่งนี ครับ


, , domon, ,
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
8ocdj
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 344
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 108
สมาชิก ID: 1436


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 8 : Exp 38%
HP: 0%


« ตอบ #10 เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 06:05:11 PM »

ต่อจากตอนที่แล้ว   
เรื่องที่  10  คือเรื่องงูว่า  อยู่มาวันหนึ่ง  สมเด็จพระเจ้าวิเทหราชโปรดให้ส่งงูสองตัวออกไปให้ชาวบ้านนั้นดูให้รู้ว่า  ตัวไหนเป็นตัวผู้และตัวเมีย  ถ้าไม่รู้ก็จะปรับเป็นเงินพันตำลึงอีก  มโหสถกุมารก็ชี้แจงให้ชาวบ้านฟังอีกว่า  ธรรมดางูย่อมต่างกันอยู่ที่หางและหัวกับลาย  คือ  หางของงูตัวผู้นั้นโต  ของงูตัวเมียยาวเรียว  หัวของงูตัวผู้นั้นใหญ่  ของงูตัวเมียเล็ก  ลายที่หัวของงูตัวผู้เวียนรอบหัว  ของงูตัวเมียลายขาด  คนทั้งหลายก็ทำเครื่องหมายไว้  แล้วก็ส่งเข้าไปกราบทูล  ก็ถูกต้องตามเป็นจริงอีก
   เรื่องที่  11  คือเรื่องไก่นั้นว่า  อยู่มาวันหนึ่ง  สมเด็จพระเจ้าวิเทหราชมีรับสั่งออกไปถึงพวกชาวบ้านนั้นว่า  ให้ส่งโคเผือกผู้ซึ่งมีเขาที่เท้ามีโหนกที่ศีรษะ  ร้องวันละ  3  เวลา  มาให้แก่เรา  ถ้าหามาไม่ได้จะปรับเป็นทรัพย์พันตำลึง  มโหสถกุมารก็ได้ชี้แจงแก่ชาวบ้านนั้นอีกว่า  ตามพระราชดำรัสนี้ทรงหมายเอาไก่ขาว  เพราะธรรมดาไก่ขาว  ย่อมมีหงอนที่ศีรษะเหมือนโหนกโค  และขันวันละ 3 เวลา  ชาวบ้านก็ส่งไก่ขาวเข้าไปถวาย  เป็นอันถูกต้องตามประสงค์  แล้วก็ทรงปลื้มพระหฤทัยดังนัยหนหลัง
   เรื่องที่  12  คือเรื่องแก้วมณีนั้นว่า  วันหนึ่ง  สมเด็จพระเจ้าวิเทหราชมีรับสั่งให้ส่งแก้วมณี 8 คด  อันมีเชือกร้อยเก่าขาดออกไปให้ชาวบ้านนั้นเอาเชือกร้อยเก่าออก  แล้วร้อยใหม่แทนให้ได้  ถ้าไม่ได้จะปรับเป็นทรัพย์พันตำลึงอีก  มโหสถกุมารก็รับอาสาทำ  คือให้เอาด้ายที่ร้อยใหม่นั้นมาจุ่มน้ำผึ้งเสียข้างหนึ่ง  แล้วแหย่เข้าไปในช่องแก้วมณี  แล้วเอาน้ำผึ้งทาดวงแก้วมณีอีกข้างหนึ่ง  จึงเอาไปวางไว้ใกล้รังมดแดง  มดแดงได้กลิ่นน้ำฝึ้งก็ดึงเชือกใหม่เข้าไปตามช่องแก้ว  แล้วคาบเชือกเก่าออกเสีย ดึงเชือกใหม่เข้าแทนจนทะลุออกไปได้  แล้วให้คนทั้งหลายนำเข้าไปถวาย ก็เป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าวิเทหราชอีก
โปรดติดตามตอนต่อไปวันพรุ่งนี


, , domon, ,
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
8ocdj
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 344
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 108
สมาชิก ID: 1436


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 8 : Exp 38%
HP: 0%


« ตอบ #11 เมื่อ: ตุลาคม 01, 2010, 06:57:30 PM »

ต่อจากเมื่อวานนี้

   เรื่องที่  13  คือเรื่องให้โคตัวผู้คลอดลูกนั้น  มีเรื่องว่ามา  อยู่มาวันหนึ่งสมเด็จพระเจ้าวิเทหราช  ตรัสสั่งให้ราชบุรุษทั้งหลายเอาถั่วมาให้โคอุสุภราชกินจนท้องโต  แล้วให้เอาน้ำมันทาเขา  เอาขมิ้นทาตัว  ทำอาการเหมือนหญิงมนุษย์มีท้อง  จึงโปรดให้ส่งออกไปให้แก่ชาวบ้านนั้นว่า  ให้ชาวบ้านพากันทำคลอดโคอุสุภราชนี้ให้ได้  แล้วให้ส่งลูกโคพร้อมทั้งโคอุสุภราชตัวนี้เข้าไปให้แก่เรา    ถ้าทำไม่ได้เราจะปรับพันตำลึง  ชาวบ้านก็พร้อมกนไปหามโหสถกุมารอีก  มโหสถก็ให้คนที่มีปัญญา  ฉลาดในการเจรจาเข้ามาสั่งสอนว่า  ท่านจงสยายผมแล้วร้องไห้เข้าไปเฝ้าพระมหากษัตรย์  กราบทูลว่า  ขอพระองค์จงเป็นที่พึ่งแก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด  เพราะบิดาของข้าพระพุทธเจ้าเจ็บครรภ์จะคลอดลูกมาถึง 7 วันแล้ว  ยังคลอดไม่ได้เลย  ขอพระองค์ได้โปรดพระราชทานอุบายให้บิดาข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด  ถ้าตรัสว่า  แกนี้บ้าหรือดี  การที่จะให้บุรุษคลอดบุตรนั้นไม่มีธรรมเนียม  ท่านจึงกราบทูลขึ้นว่า  ถ้าอย่างนั้น  จะให้ชาวบ้านปาจีนยวมัชฌคามนั้น  ทำให้โคอุสภราชคลอดลูกได้อย่างไร  พระพุทธเจ้า  ครั้นสั่งอย่างนี้แล้ว  ก็ส่งบุรุษนั้นให้เข้าไปเฝ้าบุรุษนั้นก็กระทำตามคำแนะนำ  สมเด็จพระเจ้าวิเทหราชก็ซักถามว่า  ใครเป็นผู้ออกอุบายนี้  เมื่อทรงทราบว่า  เป็นอุบายของมโหสถกุมาร  ก็ทรงโปรดปรานเหมือนครั้งก่อน
   เรื่องที่  14  คือเรื่องข้าวสุกนั้นว่า  อยู่มาวันหนึ่ง  สมเด็จพระเจ้าวิเทหราช  มีรับสั่งออกไปให้ชาวบ้านนั้นหุงข้าวเปรี้ยวประกอบด้วยองค์ 8 ประการ  เข้าไปถวายให้จงได้  ถ้าไม่ได้จะต้องถูกหรับเป็นทรัพย์พันตำลึงองค์ 8 ประการนั้น  คือไม่ให้หุงด้วยข้าวสาร 1  ไม่ให้หุงด้วยน้ำ 1  ไม่ให้หุงด้วยหม้อ 1  ไม่ให้หุงด้วยเตา 1  ไม่ให้หุงด้วยไฟ 1  ไม่ให้หุงด้วยฟืน 1  เมื่อหุงสุกแล้วหญิงก็อย่าให้นำเข้าไปถวาย  ชายก็อย่าให้นำเข้าไปถวาย 1  อย่าให้นำเข้าไปตามหนทาง 1  รวมเป็น  องค์ 8 ประการ  ด้วยกัน  ดังนี้  มโหสถกุมารก็ได้ชี้แจงให้ชาวบ้านนั้นทำอีก  คือ  ชี้แจงให้ฟังว่า  ข้อที่ทรงห้ามไม่ให้หุงด้วยข้าวสารนั้น  โดยพระประสงค์จะให้หุงด้วยปลายข้าว  ข้อที่ทรงห้ามไม่ให้หุงด้วยน้ำนั้น  มีพระประสงค์จะให้หุงด้วยน้ำค้าง  ที่ทรงห้ามไม่ให้หุงด้วยหม้อนั้น  ทรงห้ามหม้อเก่า  มีพระประสงค์จะให้หุงด้วยหม้อใหม่  ที่ทรงห้ามไม่ให้หุงด้วยเตานั้น  มีพระประสงค์จะให้ขุดหลุมหุง  ที่ทรงห้าไม่ให้หุงด้วยไฟนั้น  ทรงหมายไฟโดยปกติ  มีพระประสงค์จะให้เอาไม้มาสีไฟ  แล้วเอาไฟนั้นติดหุง  ที่ทรงห้ามไม่ให้หุงด้วยฟืนนั้น  มีพระประสงค์จะให้หุงด้วยใบไม้  ที่ทรงห้ามไม่ให้หญิงหรือชายนำไปนั้น มีพระประสงค์ว่าต้องให้คนกะเทยนำไป  ที่ทรงห้ามไม่ให้นำไปในทางนั้น  มีพระประสงค์จะให้เดินลัดไปตามป่า ให้หลีกทางใหญ่เสีย  ส่วนหม้อนั้นให้เอาผ้าขาวปิดปากตีตราเสียให้ดี  ท่านทั้งหลายจงทำอย่างนี้  ชาวบ้านนั้นก็กระทำตามคำแนะนำ  ก็เป็นที่โปรดปรานของท้าวเธออีก
อ่านต่อพรุ่งนี ครับ


, , domon, ,
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
8ocdj
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 344
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 108
สมาชิก ID: 1436


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 8 : Exp 38%
HP: 0%


« ตอบ #12 เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 07:47:34 PM »

ต่อจากตอนที่แล้ว
   เรื่องที่  15  คือเรื่องเชือกทรายนั้นว่า  อยู่มาวันหนึ่ง  ท้าวเธอมิรับสั่งออกไปถึงพวกชาวบ้านนั้นว่า  ให้เอาทรายฟั่นเป็นเชือกสำหรับผูกชิงช้าส่งเข้าไปถวายแทนเชือกทรายเก่าสำหรับผูกชิงช้าในพระราชวังให้จงได้  ถ้าไม่ได้จะปรับเป็นทรัพย์พันตำลึง  มโหสถกุมารก็หาคนฉลาดพูดา 2-3 คน  แล้วสั่งว่าให้เข้าไปทูลพระเจ้าอยู่หัว  ขอเชือกทรายเก่าออกไปเป็นตัวอย่างเพื่อให้ชาวบ้านนั้นได้กระทำให้ถูกตามพระราชประสงค์  ถ้าตรัสว่า  ของเก่าไม่มีจงกราบทูลว่า  ถ้าอย่างนั้นจะให้ชาวบ้านนั้นทำเชือกทรายถวายใหม่อย่างไรได้  บุรุษนั้นก็กระทำตามที่ชี้แจง
   เรื่องที่  16  คือ  เรื่องสระนั้นว่า  อยู่มาวันหนึ่ง  ท้าวเธอมีรับสั่งออกไปยังชาวบ้านนั้นว่า  ให้ส่งสระโบกขรณีอันมีดอกปทุม  5  ประการ  เข้าไปถวาย  ถ้าไม่ได้ก็จะปรับพันตำลึง  มโหสถกุมารจึงให้หาคนที่ฉลาดพูดมาได้หลายคน  แล้วรับสั่งว่า  พวกท่านจงพากันไปเล่นน้ำจนตาแดง  แล้วนุ่งห่มผ้าเปียกถือเชือกและไม้ค้อนก้อนดินเข้าไปเฝ้าพระเจ้าอยู่หัว  กราบทูลว่า  พวกข้าพระพุทธเจ้าได้ฉุดสระโบกขรณีมาจวนถึงพระนครแล้ว  แต่สระโบกขรณีนั้นกลัวบ้านเมือง  จึงดิ้นจนเชือกขาดกลับไปอยู่ที่เก่าเสีย  ขอพระองค์ได้โปรดส่งสระในพระนครออกไปต่อเข้ามาเถิด  คนเหล่านั้นก็ทำตามคำแนะนำ  แก้ปริศนาของพระองค์ได้ถูกต้องตามพระราชประสงค์
   เรื่องที่  17  คือ  เรื่องสวนนั้นว่า  อยู่มาวันหนึ่ง  ท้าวเธอมีรับสั่งออกไปถึงชาวบ้านว่า  ให้ส่งสวนดอกไม้เข้าไปถวาย  มโหสถก็ใช้ให้พวกคนเข้าไปทูลแก้อุบายของพระองค์เหมือนกับให้ส่งสระนั้นอีก  พระมหากษัตริย์ก็ทรงแน่พระหฤทัยว่า  มโหสถกุมารเป็นนักปราชญ์ต้องตามพระสุบินนิมิตนั้นแล้ว  จึงพร้อมด้วยข้าราชบริพารเสด็จออกจากพระราชวัง เพื่อจะไปรับพระมโหสถกุมารเข้ามาอยู่ในพระราชสำนัก  แต่เผอิญเท้าม้าพระที่นั่งพลาดระแหงมีกลีบอันแตกทำลายเสียในระหว่างทาง  ท้าวเธอจึงเสด็จกลับ  ฝ่ายเสนกกราบทูลว่า  ข้าพระพุทธเจ้าได้ห้ามเป็นหลายครั้งแล้ว  พระองค์ก็ไม่ทรงเชื่อฟัง  จึงได้พบอุบัติเหตุเช่นนี้  ขอพระองค์ได้โปรดทรงนิ่งดูอีกต่อไปเถิด  ท้าวเธอก็ทรงนิ่งอยู่โดยไม่ตรัสตอบประการใด
อ่านต่อพรุ่งนี้ ครับ


, , domon, ,
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
8ocdj
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 344
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 108
สมาชิก ID: 1436


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 8 : Exp 38%
HP: 0%


« ตอบ #13 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2010, 05:54:21 PM »

ต่อจากตอนที่แล้ว
   เรื่องที่  18  คือ  เรื่องลานั้นว่า  อยู่มาวันหนึ่งท้าวเธอได้ทรงปรึกษาเสนกว่า  จะทำประการใดดีจึงจะได้ตัวมโหสถ  เสนกกราบทูลขึ้นว่า  ขอให้พระองค์มีรับสั่งออกไปว่า  ให้มโหสถกุมารส่งม้าอัศดรมาให้แก่เราเพราะเราได้ออกไปรับแล้วในวันก่อนแต่ไปไม่ถึง  ด้วยกีบม้าของเราแตกเสีย  ดังนี้  ถ้ามโหสถกุมารเป็นคนมีสติปัญญาจริง  ก็จะเข้ามาเฝ้าพระองค์สมดังพระราชประสงค์  พระเจ้าวิเทหราชก็ทรงกระทำตามคำแนะนำของเสนก  เมื่อมโหสถกุมารได้ทราบพระราชดองการดังนั้น  ก็ทราบว่า  พระเจ้าอยู่หัวทรงต้องการตัวเรา  จึงบอกให้บิดากับเศรษฐีที่เป็นบริวารพันหนึ่งเข้าไปเฝ้าก่อน  โดยนัดแนะกับบิดาไว้ว่า  เมื่อบิดาเห็นข้าพเจ้าเข้าไปถึง จงลุกขึ้นหลีกให้ที่นั่งแก่ข้าพเจ้าซึ่งเข้าไปถึงภายหลัง ครั้นรุ่งเช้าขึ้น  บิดากับอนุเศรษฐีพันหนึ่ง  ก็เข้าไปเฝ้าพระเจ้าวิเทหราช ตามคำแนะนำของมโหสถกุมาร ฝ่ายมโหสถกุมารกับบริวารอีกพันหนึ่ง ก็ขึ้นรถตามไปทีหลัง ให้บริวารจับเอาลาตัวหนึ่งห่อหุ้มด้วยเสื่อลำแพนบรรทุกรถไปด้วย  พอไปถึงที่เฝ้า  บิดาก็ลุกจากที่นั่งให้  แล้วมโหสถก็นั่งลงแทนที่บิดา  ในเวลานั้น  นักปราชญ์ทั้ง 4 มีเสนกเป็นต้น  ก็พร้อมกันตบมือหัวเราะขึ้นว่า  ดูนักปราชญ์ของพระเจ้าอยู่หัวซิ  ช่างไม่มีความเคารพต่อบิดาเสียเลย  ไม่สมควรเป็นนักปราชญ์  สมเด็จพระเจ้าวิเทหราชก็ทรงเห็นด้วย  แล้วทรงเสียพระหฤทัย  มโหสถจึงกราบทูลถามขึ้นว่า  มารดาบิดาย่อมดีกว่าบุตรเสมอไปหรือพระพุทธเจ้าข้า  ตรัสตอบว่า  อย่างนั้นซิ  มโหสถจึงให้บริวารของตนลงไปหามเอาลาตัวนั้นไปสู่ที่เฝ้า  แล้วกราบทูลถามว่าลาตัวนี้ราคาสักเท่าไรพระเจ้าข้า  ตรัสตอบว่า ถ้ายังใช้งานได้ดีก็มีราคาสัก 8 ตำลึงเท่ากัน  จึงทูลถามว่า  ส่วนม้าอัสดรที่เป็นลูกของลาตัวนี้  มีราคาสักเท่าไรเล่า  ตรัสตอบว่า  หาค่ามิได้  ถ้าอย่างนั้น  ขอได้ทรงทราบเถิดว่า  บิดาไม่ดีกว่าบุตรเสมอไป  หรือถ้าพระองค์ยังทรงเห็นว่า  บิดายังดีกว่าบุตรเสมอไปแล้ว  จงโปรดรับบิดาของข้าพระบาทไว้  แล้วส่งข้าพระพุทธเจ้ากลับไปเถิด  พอพระเจ้าวิเทหราชได้ทรงสดับคำแก้ไขอันนี้  พระองค์ก็ทรงปลื้มพระหฤทัย  ตรัสว่า  เมื่อกี้นี้เราหลงเข้าใจผิดตามคำของนักปราชญ์ทั้ง 4 ตรัสดังนี้แล้ว  ได้ทรงขอมโหสถไว้เป็นพระราชบุตรบุญธรรม  จากสิริวัฒกเศรษฐีผู้เป็นบิดา  แล้วโปรดให้อยู่เป็นข้าเฝ้ารับราชการต่อไป  แต่มโหสถกุมารได้ทูลขอออกเป็นข้าเฝ้าเรือนนอน  คือ  ขอไปสู่อยู่นอกพระราชวัง
อ่านต่อพรุ่งนี้ ครับ


, domon, ,
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
8ocdj
ปลดออกจากสมาชิก


คำขอบคุณ: 344
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 108
สมาชิก ID: 1436


Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 8 : Exp 38%
HP: 0%


« ตอบ #14 เมื่อ: ตุลาคม 04, 2010, 07:25:55 PM »

ต่อจากเมื่อวานนี้   
เรื่องที่  19  เรื่องแก้วมณีนั้นว่า  อยู่มาวันหนึ่ง  มีคนได้นำความไปกราบทูลพระเจ้าวิเทหราชว่า  มีแก้วมณีดวงใหญ่อยู่ที่สระโบกขรณีนั้น  พระเจ้าวิเทหราชก็โปรดให้เสนกไปพิจารณาดู  เสนกก็เข้าใจว่า  แก้วมณีนั้นอยู่ใต้น้ำจึงให้คนทั้งหลายช่วยกันวิดน้ำในสระโบกขรณีนั้นเสีย  คนทั้งหลายก็กระทำตาม  เมื่อไม่พบแก้วมณีดวงนั้นก็กลับไป  ในเวลาน้ำเต็มสระโบกขรณีนั้น  ก็แลเห็นเงาแก้วมณีดวงนั้นอีก  เสนกก็เกณฑ์ให้ผู้คนช่วยกันวิดน้ำค้นดูอีก  ทำอยู่อย่างนี้เป็นหลายครั้ง  พระเจ้าวิเทหราชจึงรับสั่งให้มโหสถกุมารออกไปพิจารณาดู  พอมโหสถกุมารไปแลเห็นเงาแก้วมณีนั้น  ก็เข้าใจว่าแก้วมณีนั้นไม่ได้อยู่ใต้น้ำ  ต้องอยู่บนยอดตาลแน่นอน  แต่เพื่อจะให้คนทั้งหลายรู้เห็นตามตนด้วย  จึงให้คนยกถาดน้ำไปวางลงตรงเงาแก้วมณีนั้น  แล้วจึงชี้ให้คนทั้งหลายดูว่า  ท่านทั้งหลายจงดูเถิด  ถ้าแก้วมณีมีอยู่ใต้น้ำแล้ว  คงไม่มีเงาปรากฏอยู่ในถาดน้ำนี้  แก้วมณีนี้ต้องอยู่บนยอดตาลเป็นแน่  ว่าแล้วก็ให้คนขึ้นไปดู  ก็ได้แก้วมณีที่รังกาลงมา  คนทั้งหลายก็พร้อมกันแช่งด่าเสนกว่า  ทำให้พวกตนลำบาก  ส่วนมโหสถก็ได้นำแก้วมณีดวงนั้นเข้าไปถวาย  สมเด็จพระเจ้าวิเทหราชก็ทรงโปรดปราน ได้พระราชทานแก้วมุกดาหารเครื่องประดับพระศอแก่มโหสถกุมาร  และให้พระราชทานแก้วมุกดาหาร  อันเป็นเครื่องประดับอื่นแก่บริวารของมโหสถกุมารอีกจนครบทั้งพันคน  ตรัสสั่งว่า  ในเวลาจะเข้าเฝ้าเรา  จงให้พากันแต่งเครื่องประดับนี้เข้ามาจงทุกครั้งไป  เมื่อพระราชทานรางวัลเสร็จแล้ว  ก็ทรงตั้งมโหสถกุมารให้เป็นเสนาบดีต่อไป
อ่านต่อพรุ่งนี


domon, ,
สมาชิกใหม่ทุกท่าน >>> กดที่นี่

ท่านเป็นเช่นนี้หรือไม่ ?
1 login ... เข้าเวป
2 หาเพลงโหลด
3 มีให้โหลด ตอบเพื่อโหลด ไม่มีให้โหลด ไปข้อ4
4 logout ... ไปดีกว่า
อา-ราย-หว่า ???

บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3
 
 
กระโดดไป:  






Saisampan.net
สายสัมพันธ์ - เพลงลูกทุ่งเก่า (เก่ากว่าที่ท่านคิด)
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!